เตรียมค้นบ้าน ผู้ช่วยเลขาป.ป.ช. ปมชักปืนขู่แท็กซี่

เตรียมค้นบ้าน ผู้ช่วยเลขาป.ป.ช. ปมชักปืนขู่แท็กซี่

เตรียมค้นบ้านผู้ช่วยเลขาป.ป.ช. เซ่นปมร้อนชักปืนขู่แท็กซี่ ด้านตร.เรียก 2 พยานให้ปากคำ

จากกรณีนายพิเศษ นาคะพันธ์ ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ปปช.ชักปืนภายในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ปรากฎเป็นคลิปดังในโลกออนไลน์เหตุเกิดท้องที่สน.ทุ่งสองห้องตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 17 ต.ค.61 พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.ทุ่งสองห้อง เปิดผยว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอคู่กรณีแท็กซี่เข้าแจ้งความ ตอนนี้ได้ประสานกับทางนายพิเศษเพื่อนัดวันที่เจ้าหน้าที่จะไปขอค้นบ้านที่อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งนายพิเศษยินดีให้ตำรวจนำค้นบ้าน จึงไม่ต้องใช้หมายค้น สำหรับการค้นบ้านนี้เพื่อหาอาวุธปืนไปตรวจสอบว่า เป็นปืนจริงหรือปืนปลอม และปืนมีทะเบียนหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อรูปคดีต่อไป

พ.ต.อ.ปริญญากล่าวว่า เมื่อวานนี้(16 ต.ค.) นายพิเศษไม่ได้ให้ปากคำกับตำรวจ ดังนั้นพฤติกรรมการขับรถของทั้งฝ่ายจะต้องให้ทางชุดสืบสวนไปตรวจสอบวงจรปิดและสอบปากคำพยานซึ่งเป็นรปภ.ที่ศูนย์ราชการจำนวน 2 คน ซึ่งจะต้องเรียกมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป หากมีพฤติกรรมการขับรถปาดกันไปมา ก็จะต้องว่ากันอีกครั้ง แต่การขับรถปาดกันไปมานั้น ไม่เป็นเหตุให้ต้องควักปืนขู่ขนาดนี้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังเฟซบุ๊กของคนที่ชื่อว่า “อัญชลี” ซึ่งเป็นผู้โพสท์คลิปนี้ลงในโลกออนไลน์เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา

พ.ต.อ.ปริญญา กล่าวต่อว่า หลังจากนั้ทางพนักงานสอบสวนก็จะนัดนายพิเศษมาอีกครั้ง และจะสรุปสำนวนเพื่อรวบรวมหลักฐานนำส่งชั้นศาลให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายพิเศษ 2 ข้อหา คือ พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ ใช้อาวุธปืนทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ต่อมาเมื่อเวลา13.00น. วันที่17 ต.ค. นายกิตติดมน์ ศิริสุข อาสาสมัครจราจร สน.ทุ่งสองห้องเดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.รักเกียรติ์ ปทุมวัลย์ สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้องเพื่อให้ปากคำในฐานะพยานที่เห็นเหตุการณ์ในคดีดังกล่าว

นายกิตติดมน์ กล่าวว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ตนไม่เห็นว่ามีการขับรถปาดกันไปมาหรือไม่ เห็นตอนที่ปรากฎเป็นคลิปออกไป โดยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาพักผ่อนของพวกตน ไม่ได้อยู่ภายในป้อมใกล้จุดเกิดเกตุ ตนไม่เห็นตอนนายพิเศษลงจากรถ มาเห็นก็ตอนควักปืนแล้ว ทางฝ่ายแท็กซี่นั้นไม่มีการลงจากรถแต่อบ่างใด ช่วงเวลาชักปืนกินเวลาไม่ถึง 1-2 นาที จากนั้นนายพิเศษก็ได้ขึ้นรถแล้วขับออกไป ทางแท็กซี่ก็ขับแยกย้ายกันไป ช่วงควักปืนนั้นไม่มีการพูดจากันแต่อย่างใด เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

ขณะที่ นายประสงค์ ธิติพนิต อาสาสมัครจราจรสน.ทุ่งสองห้องพยานอีกคนให้การว่า เหตุการณ์นี้เกิดช่วงเวลาประมาณ 14.00-15.00 น. ก่อนจะถึงช่วงที่จะต้องจัดระเบียบการจราจร ตอนแรกนึกว่าเป็นเหตุรถชนกัน จึงเดินไปดูกันกับนายกิตติดมน์ แต่เมื่อเห็นนายพิเศษลงจากรถแล้วควักปืนก็ตกใจกลัว ถึงกับชะงัก เพราะเห็นปืน จึงได้แค่มอง ไม่ได้พูดอะไร และไม่แน่ใจว่านายพิเศษพูดจาอะไรออกไปหรือไม่ โดยไม่เห็นว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการชักปืนนั้นเกิดจากเหตุใด ซึ่งเหตุการณ์นี้กินระยะเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เมื่อทางนายพิเศษเก็บปืนก็ได้เดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป แท็กซี่ก็ขับตามกันไป ตามเส้นทางจราจรตรงนั้น ไม่รู้ว่าไปแยกย้ายกันตอนใด รู้เพียงว่าตลอดเหตุการณ์นั้น ทางโชเฟอร์แท็กซี่ไม่ได้ลงจากรถเลยแต่อย่างใด

นายประสงค์กล่าวต่อว่า สำหรับรถแท็กซี่นั้นเป็นรถเขียวเหลือง แต่จำทะเบียนไม่ได้ ติดฟิล์มค่อนข้างมืด ทำให้เห็นคนขับไม่ชัด เพราะฟิล์มหน้ารถบัง เห็นเพียงครึ่งล่างของจมูกลงมา โดยตนเห็นเพียงว่าโชเฟอร์แท็กซี่นั้นไว้ผมสั้น อายุประมาณ 40 กว่าปีขึ้นไป รูปร่างสันทัด ใส่เครื่องแบบแท็กซี่สีฟ้า และรถแท็กซี่คันนี้ไม่มีการรับผู้โดยสาร และเปิดไฟสีแดงตรงคำว่า “ว่าง” ไว้ เชื่อว่าเหตุการณ์ชักปืนนี้เป็นเพียงการข่มขู่เท่านั้น

เบื้องต้นทางพ.ต.ต.รักเกียรติ์กล่าวว่าวันนี้ได้ประสานพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้เดินทางมาให้ปากคำเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานในทางคดีนี้ต่อไป หลังจากสอบปากคำแล้วก็จะตรวจสอบพยานหลักฐานทางอื่นประกอบสำนวนต่อไป