เร่งระบายน้ำออกจากในพื้นที่ลุ่มต่ำอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ หลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลังพายุ “ปาบึก” เคลื่อนตัวออกสู่ทะเล อันดามันไปแล้ว และยังคงเร่งระบายน้ำออกจากในพื้นที่ลุ่มต่ำอย่างต่อเนื่อง
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ (5 ม.ค. 62) พายุดีเปรสชัน “ปาบึก” (PABUK) บริเวณทะเลอันดามัน ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความอากาศต่ำกำลังแรง มีแนวโน้มว่าจะอ่อนกำลังลงอีกและสลายตัวไปตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดน้อยลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง ในบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำได้ นั้น
สถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบัน(6 ม.ค. 62) ในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ระดับน้ำที่ท่วมขังในตัวเมือง เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในถนนซอยประมาณ 20-30 เซนติเมตร บริเวณถนนพัฒนาคูขวางระดับน้ำลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ส่วนระดับน้ำในคลองนครน้อยหน้าเมือง มีระดับต่ำกว่าตลิ่ง ประมาณ 8 เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับพื้นที่รอบนอกและพื้นที่ลุ่มต่ำ ยังคงเร่งสูบน้ำและผลักดันน้ำ เพื่อระบายน้ำลงสู่ลำคลองสายหลัก ระดับน้ำยังคงต่ำกว่าตลิ่งทั้งหมด คาดว่าสถานการณ์ในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายในเย็นวันนี้ ส่วนในพื้นที่ลุ่มต่ำจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 1-2 วัน
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอรอบนอกของ จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบันที่อำเภอปากพนัง เนื่องจากอยู่ในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำยกตัวสูงขึ้นตามระดับน้ำทะเล ทำให้สามารถเปิดบานระบายน้ำได้ในช่วงเวลาน้ำลงเท่านั้น ทำได้เพียงเดินเครื่องผลักน้ำ และเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 10-15 วัน ส่วนที่อำเภอทุ่งสงและอำเภอหัวไทร สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่อำเภอบางสะพาน มีฝนตกในพื้นที่ตอนบน ประกอบกับมีคลื่นลมแรงและน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณที่ลุ่มต่ำของอำเภอบางสะพาน คาดว่าระดับน้ำสูงสุดที่สถานี GT.20 ระดับ 6.17 เมตร(รทก.) หรือสูงกว่าตลิ่งประมาณ 17 เซนติเมตร ในช่วงเวลา 09.00 น. วันนี้(6 ม.ค. 62) คาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเย็นของวันนี้(6 ม.ค. 62) ที่ จังหวัดชุมพร มีน้ำล้นตลิ่งคลองชุมพรที่สถานี x201A สูงสุดเมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้(5 ม.ค. 62) สูงกว่าตลิ่ง 1.91 เมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณสี่แยกปฐมพร ถนนเพชรเกษม และเมื่อเวลา 6.00 น.ที่ผ่านมา ระดับน้ำยังคงสูงกว่าตลิ่งประมาณ 36 เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับยังคงมีน้ำทะเลหนุนสูง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มอีกระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่งในช่วงบ่ายของวันนี้(6 ม.ค. 62)
ส่วนที่จังหวัดปัตตานี สถานการณ์น้ำท่า ลุ่มน้ำปัตตานีระดับน้ำวันนี้(6 ม.ค. 62) อยู่ที่ 2.33 เมตร(รทก.) ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 33 เซนติเมตร เอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณชุมชนบ้านบริดอ อ.เมือง ก่อนเข้าเมืองปัตตานี คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันนี้
สำหรับในพื้นที่ จ.ตรัง พัทลุง สงขลา และสตูล สถานการณ์น้ำยังปกติ ระดับน้ำท่าต่างๆ ต่ำกว่าตลิ่ง และมีแนวโน้มลดลง
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้คาดการณ์ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่ภาคใต้ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ปาบึก” จากการวิเคราะห์รายพื้นที่ พบว่ายังคงต้องพร่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีช่องว่างมากขึ้นไว้รองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างฯ จากฝนที่จะตกหนักลงมาอีกในระยะต่อไป ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำอ่างขนาดกลาง 7 แห่ง ได้แก่ จ.เพชรบุรี 2 แห่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2 แห่ง จ.สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง และ จ.กระบี่ 2 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 26 แห่ง ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อ่างเก็บน้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ่างเก็บน้ำรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี และ อ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 23 แห่ง ดังนี้ จ.เพชรบุรี 2 แห่ง , จ.ประจวบคีรีขันธ์ 6 แห่ง , จ.สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง , จ.ระนอง 1 แห่ง , จ.นครศรีธรรมราช 4 แห่ง , จ.ตรัง 2 แห่ง , จ.พัทลุง 2 แห่ง , จ.สงขลา 2 แห่ง, จ.กระบี่ 2 แห่ง และ จ.นราธิวาส 1 แห่ง