ขยายผลเงินอุดหนุน กสศ.เน้นถูกตัวเด็กได้ประโยชน์
รร.สพฐ.เดินหน้า ขยายผลเงินอุดหนุนนร.ยากจนพิเศษ ปิดคอร์สสร้างอาชีพ แก้ปัญหายั่งยืน ขณะที่ ผอ.-ครู- เขตพื้นที่การศึกษา พร้อมติดตามผลใกล้ชิด หลังได้รับเงินอุดหนุน ป้องกันเด็กหลุดนอกระบบ ด้านกสศ.เปิดระบบ ให้ รร.ส่งรายชื่อนร.ยากจนพิเศษถึง 16 ม.ค.นี้
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.62 นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวในงานเสวนา ติดตามเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ จัดสรรช่วยเหลือแล้วแก้ปัญหาตรงจุดอย่างไร ที่โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ ว่า หัวใจสำคัญของเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ คือการดูแลและพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล ตามสภาพปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งแบ่งจัดสรรไปที่ครอบครัวและตัวนักเรียน เน้นย้ำถึงการช่วยเหลือที่ถูกตัว ตรวจสอบได้ และช่วยแล้วได้ประโยชน์ สำหรับโรงเรียนที่ได้รับจัดสรรสามารถบริหารจัดการให้กับนักเรียน โดยแบ่งเป็นค่าอาหารเช้า กลางวัน และเป็นค่าดำเนินกิจกรรมทางการศึกษา เสริมสร้างพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะอาชีพในอนาคต
"กรณีของโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ ถือเป็นต้นแบบการขยายผลเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ ด้วยงบประมาณจำนวนไม่มาก แต่โรงเรียนวางแผนต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม เมื่อสำรวจว่านักเรียนมีความสนใจด้านเบเกอรี่ จึงเปิดคอร์สพิเศษเพื่อสอนนักเรียนกลุ่มนี้ ซึ่งการเรียนการสอนสามารถบูรณาการทั้งในส่วนทักษะการทำอาหารเพื่อสร้างอาชีพ การบูรณาการกับวิชาการเรียนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น คณิตศาสตร์ การคำนวนต้นกำไรขาดทุน การชั่งตวงวัด วิทยาศาสตร์อาหาร ความคิดสร้างสรรค์ในการการออกแบบผลิตภัณฑ์ การวางแผนการขาย และการทำการตลาด ซึ่งโรงเรียนสามารถเชิญวิทยากรจากภายนอกมาร่วมให้ความรู้ได้” นายสุภกร กล่าว
นางสุภาณี ธรรมาธิคม ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ กล่าวว่า โรงเรียนมีนักเรียน ยากจนพิเศษที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการสถานศึกษาจำนวน 64 คน คิดเป็น 5 %ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งโรงเรียนมีนักเรียน 2,004 คน เป็นกลุ่มที่ทางโรงเรียนจะละเลยไม่ได้ ในทุกกระบวนการตั้งแต่การลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียน การเก็บข้อมูลต้องครบถ้วนถูกต้อง นอกจากนั้น ทางโรงเรียนได้เริ่มเปิดคอร์สฝึกอาชีพ ทำอาหาร เบเกอรี่แก่นักเรียน ซึ่งดำเนินการมา 2 ครั้งแล้ว เด็กๆ ได้ใส่ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาให้รสชาติดีขึ้นทุกครั้ง ทั้งนี้ เมื่อเชี่ยวชาญกว่านี้ วางแผนเปิดเป็นร้านเบเกอรี่จำหน่ายในชุมชน ตลาด เพื่อสร้างรายได้ เป็นกองทุนเล็กๆที่เติบโตต่อไป
น.ส.ชูสะอาด กันธรส ผู้อำนวยการสำนักบริหารเงินอุดหนุนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ กสศ. กล่าวว่า สถานะการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข ล่าสุด(11ม.ค.62) กสศ. ได้โอนเงินอุดหนุนในรอบแรกให้แก่โรงเรียนและผู้ปกครองที่ส่งข้อมูลเข้ามาและผ่านการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน เสร็จเรียบร้อยเป็นเงิน 393,932,400 บาท ครอบคลุมโรงเรียนจำนวน 16,497 โรงเรียน และนักเรียนจำนวน 364,527 คน โรงเรียนสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินได้จาก User ของ Admin โรงเรียน และเมื่อได้รับเงินอุดหนุนแล้ว สามารถดำเนินการตามแผนการใช้เงินที่เสนอไว้แก่คณะกรรมการสถานศึกษาได้ทันที
ทั้งนี้ สำหรับเงินอุดหนุนนักเรียน สถานศึกษาและครูจะรายงานบันทึกการมาเรียน รวมถึงน้ำหนัก ส่วนสูงของนักเรียนยากจนพิเศษรายบุคคลอย่างใกล้ชิดตลอดปีการศึกษาผ่าน cct.thaieduforall.org ตามข้อตกลงการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข ซึ่งจะเป็นข้อมูลและผลลัพธ์ที่สำคัญในการจัดสรรเงินอุดหนุนภาคเรียนถัดไป โดยนักเรียนยากจนพิเศษจะต้องมีอัตราการมาเรียนสูงกว่า 80 % ของเวลาเรียน หลังจากนี้ทางเขตพื้นที่การศึกษาจะช่วยลงพื้นที่สนับสนุน ติดตามผลการใช้เงินอุดหนุน และการดำเนินงานของทางโรงเรียนต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอุดหนุน พบว่าขณะนี้มีโรงเรียน 2 กลุ่ม ที่ขอความร่วมมือให้เร่งดำเนินการเข้ามาในระบบได้แก่ 1.กลุ่มที่ต้องแก้ไขข้อมูลที่ส่งเข้ามาให้ถูกต้อง เช่น กรอกชื่อบัญชีเงินฝาก เลขบัญชีธนาคารไม่ถูกต้อง และ2 กลุ่มที่ยังไม่ได้ดำเนินการส่งข้อมูลเข้ามาเลยจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,070 โรงเรียน ซึ่งหลังจากเปิดระบบรอบสุดท้ายในปีการศึกษา 2561
ล่าสุด มีโรงเรียนกรอกข้อมูลเข้ามาเพิ่มเติมมากกว่า 2,600 โรงเรียนหรือ ประมาณ 1 ใน 3 ของรายชื่อโรงเรียนที่เหลืออยู่ โดยระบบจะยังเปิดไปจนถึงวันที่ 16 ม.ค. 2562 นี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้สถานศึกษาอีกราว 4,400 แห่งเร่งจัดประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อส่งผลการรับรองรายชื่อนักเรียนยากจนพิเศษ ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ที่ยังไม่ได้จัดทำข้อมูล นร.ยากจนพิเศษ ได้ที่ https://www.eef.or.th/thaieduforall หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 02-079-5475 กด 1