รวบแก๊งผู้มีอิทธิพลพกปืน อ้างเป็นคนมีสี เรียกเก็บค่าเช่าที่
ผกก.สน.โคกคราม ระดมตร.จับแก๊งผู้มีอิทธิพลพกปืน5ราย อ้างตัวเป็นคนมีสี เรียกเก็บค่าเช่าที่ ขู่ใช้เรียกเทศกิจ-ทหารไล่ออกจากพื้นที่หากไม่ยอมจ่าย
เมื่อวันที่ 18 มกราคม รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ชัยชนะ บุญรอด รรท.ผกก.สน.โคกคราม พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมิทธิกิจ อินทรหอม รรท.รองผกก.ป.สน.โคกคราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.โคกคราม จับกุมตัวนายจิรศักดิ์ อายุ 36 ปี ชาวพะเยา ในข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร “ พร้อมด้วย นายอภิวัชร อายุ 53 ปี ชาวจ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหา “พกพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร , พกพาอาวุธมีด ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” นายยุทธนา อายุ 38 ปี ชาวจ.อุทัยธานี นายนพศิลป์ อายุ 44 ปี และ นายภูเบศ อายุ 39 ปี ในข้อหา “พกพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” พร้อมของกลาง กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 68 นัด อาวุธปืนพกสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. จำนวน 5 กระบอก โดยสามารถจับกุมได้ที่ร้านอาหารตามสั่งไม่มีเลขที่ ทางเข้านวธารา คอนโดมิเนียม
สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนมีท่าทางพิรุธ นั่งอยู่บริเวณร้านอาหารตามสั่ง ตรงทางเข้าของนวธารา คอนโดมิเนียม และได้มีการถกเถียงกับทางร้านดังกล่าวเสียงดัง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงร้านพบว่า นายจิรศักดิ์ นายยุทธนา นายนพศิลป์ นายภูเบศ นายอภิวัชร มีท่าทางมีพิรุธ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและขอเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน และอาวุธมีด จึงได้ทำการควบคุมตัวผู้ค้องหาทั้งหมดสอบปากคำกับทางพนักงานสอบสวนพร้อมตรวจยึดของกลาง
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และบางคนมีการอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่ง 1 ใน 5 ผู้ต้องหา เคยเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าวแต่ได้หมดสัญญาลงแล้ว แต่ยังคงมีการนำพวกมาเก็บค่าที่กับผู้ประกอบการในบริเวณดังกล่าว ซึ่งผู้ประกอบการการไม่ยอมที่จะจ่ายค่าที่ให้เนื่องจากไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ กลุ่มผู้ต้องหาจึงได้พากันสวมเสื้อยืดคอปก โดยมีการปักระบุชื่อนายทหารนอกราชการท่านหนึ่ง พร้อมมีการข่มขู่อ้างว่าจะนำเทศกิจและทหารมาขับไล่ ซึ่งพลเมืองดีที่อยู่ในเหตุการณ์ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าจับกุมในที่สุด