ปกครองตรวจผับย่านฝั่งธน แจ้ง 4 ข้อหาสั่งปิด 5 ปี

เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 20 มกราคม ศอ.กต.โดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นำโดย นายแสงประทีป โกมลบุตร ผู้ตรวจราชการ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนบูรณาการร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับ สืบสวนและปราบปราม สํานักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 1 กองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อย หมวด รส. บางคอแหลม ส.พัน 9 พล.ร.9 สำนักงาน ปปส. กรมควบคุมโรค สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และสน.วัดพระยาไกร นำกำลังเข้าบุกจับสถานบันเทิงลักษณะเป็นผับชื่อดังย่านเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ เมื่อไปถึงพบว่าภายในสถานบันเทิงยังเปิดให้บริการอยู่มีการเปิดเพลงโดยนักเที่ยวจำนวนกว่า 800 คน กำลังดื่มกินและเต้นกันอย่างเมามัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงแสดงตัวขอตรวจสอบพร้อมกับให้ปิดเสียงดนตรี และเปิดไฟภายในร้านเมื่อนักเที่ยวเห็นเจ้าหน้าที่ก็แตกตื่นต่างผลักดันเจ้าหน้าที่วิ่งหนีออกทางประตูหน้าบางส่วนก็วิ่งหนีออกทางหลังร้านก่อนจะปีนป่ายกำแพงหนีอย่างไม่คิดชีวิต หลบหนีไปได้กว่า 400 คน

จากนั้นเจ้าหน้าทั้งหมดจึงตรึงกำลังพร้อมกับปิดทางเข้าออกทั้งหมดจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบยาเสพติด ได้แก่ เคตามีนบรรจุในซองพลาสติกใส 45 ซอง และแบบบรรจุธนบัตร 20 ฉบับ ยาอีบรรจุในซองพลาสติกใส 9 ซอง ยาไอซ์และซองยาเสพติดที่เสพแล้วพร้อมด้วยอุปกรณ์การเสพ จำนวนกว่า 200 รายการ ตกเกลื่อนกลางร้าน ภายในห้องน้ำ หน้าเคาน์เตอร์เก็บเงิน และบริเวณชั้นลอยของร้าน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนักเที่ยวแยกชายหญิงเพื่อตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ เบื้องต้นผลการตรวจสอบพบว่านักเที่ยวที่มีปัสสาวะเป็นสีม่วง จำนวน 114 คน เป็นชาย 78 คน เป็นหญิง 36 คน พบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการจำนวน 2 คนในจำนวนนี้อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 1 คน จากการตรวจสอบใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ พบว่าผับแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการแต่อย่างใด

นายแสงประทีป เปิดเผยว่า การเข้าจับครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนผ่านกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนว่า สถานบริการดังกล่าวตั้งถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ปล่อยปละละเลยให้มีเสพสารเสพติดภายในร้าน โดยมีเอเย่นต์จำหน่ายยาเสพติดแฝงตัวอยู่ภายในร้านและเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง หน.คสช.ที่ 22/2558 สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงจึงบูรณาการกำลังหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบ

ด้านนายรณรงค์ ระบุว่า จากการเข้าตรวจค้นพบว่ามีการตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งทางเราได้ขอตรวจสอบใบอนุญาตแล้วทางร้านไม่มีมาแสดงและจากการข่าวที่เราส่งสายลับเข้ามาตรวจสอบแล้วพบว่าสถานบริการดังกล่าวปิดทำการประมาณตีสามซึ่งฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ชัดเจน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือพบว่าสถานบริการดังกล่าวมีการใช้ยาเสพติดกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้กรมการปกครองจะกวดขัน จับกุม ปราบปราม สถานบริการที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมฝากถึงผู้ประกอบการสถานบริการว่า ให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อหาแก่เจ้าของร้านดังนี้ คือ 1.เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด 3.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 4.โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้มียาเสพติดในสถานบริการ ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ ซึ่งเป็นเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 เป็นเหตุให้สั่งปิด 5 ปี ซึ่งจะได้แจ้ง ผบช.น.มีคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปีต่อไป.