คทช.เร่งตั้งเป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้สำนักนายกฯ คุมนโยบายที่ดิน
คทช.เร่งตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้สำนักนายกฯ คุมนโยบายที่ดิน การปฏิบัติงานหน่วยงานด้านที่ดินใน 11 กระทรวง ถอดแบบ สทนช.ที่ตั้งหน่วยงานคุมนโยบายด้านน้ำ คาดจัดตั้งได้ในช่วงกลางปีนี้
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.62 นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาว่าที่ประชุมฯมีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติขึ้นเป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุมฯได้รับทราบความคืบหน้าของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสำนักงานใหม่ รวมถึงร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติ่มประมวลกฎหมายที่ดินและร่างพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคาดว่าจะสามารถจัดตั้งหน่วยงานได้ในช่วงกลางเดือนของปีนี้
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติที่จะจัดตั้งขึ้นจะทำหน้าที่คล้ายกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ดูแลภาพรวมเกี่ยวกับนโยบายน้ำในภาพรวมของประเทศโดยบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินซึ่งอยู่ใน 11 กระทรวง เข้ามาอยู่ภายใต้การทำงานร่วมกันในรูปแบบคณะกรรมการ โดยอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะไม่ทับซ้อนกับบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานที่มีอยู่ปัจจุบัน ส่วนกำลังคนที่จะเข้ามาทำงานภายใต้สำนักงานฯแห่งนี้ส่วนหนึ่งจะมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการรับใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) พิจารณาแล้วและจะเริ่มเปิดรับได้ภายหลังจากที่ พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้
“นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้ดำเนินการจัดตั้งสำนักงานฯ ให้เสร็จโดยเร็ว โดยการทำงานในรูปแบบคณะกรรมการของ คทช.มีมาตั้งแต่ปี 2558 ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีกฎหมายรองรับให้เป็นคณะกรรมการระดับชาติ โดยเมื่อมีการจัดตั้งสำนักงานฯเสร็จแล้ว หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินได้แก่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.)ทุกแห่งทำภารกิจเดิมต่อไป และจะไม่เป็นการทำงานทับซ้อนหน่วยงานอื่นที่มีอยู่เพราะสำนักงานฯ จะดูแลนโยบายในภาพรวมด้านที่ดินเท่านั้น” นางรวีวรรณกล่าว