"พล.อ.ประยุทธ์" ปัดคุมค่ารักษา "รพ.เอกชน" ชี้ต้องมีมาตรการเหมาะสมเป็นธรรม-โปร่งใส
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 62 เวลา 12.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ประชุมครม.เห็นชอบให้ยาเวชภัณฑ์ บริการทางการแพทย์และบริการรักษาพยาบาล เป็นสินค้าและบริการควบคุมใหม่ ปี 2562 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า เป็นการทำตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่กำหนดให้ต้องปรับปรุงรายการสินค้าและบริการควบคุม ทุกๆ 2 ปี ซึ่งในการปรับปรุงครั้งนี้ คณะอนุกรรมการจากทุกภาคส่วนร่วมกันพิจารณากำหนดมาตรการกำหนดสินค้าและบริการหลายรายการเข้ามาด้วย เดิมมีสินค้าและบริการควบคุม 50 กว่ารายการ แต่ตอนนี้ได้ยกเลิกการกำหนดให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขกำกับดูแลการดำเนินการของโรงพยาบาลเอกชนในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งต้องดูแลผู้ให้และผู้รับบริการทางการแพทย์ โดยกรณีของโรงพยาบาลเอกชนนั้น มีบางแห่งที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว เราจึงต้องพิจารณาความแตกต่างตรงนี้ด้วย ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำตอนนี้ คือการมอบหมายให้ไปกำหนดมาตรการที่เหมาะสมออกมา ต้องดูกฎหมายหลายฉบับ และไม่ใช่จะไปควบคุมราคาได้ทั้งหมด แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม จึงขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งวิตกหรือตื่นเต้นในเรื่องนี้ และอย่าไปเคลื่อนไหวหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับสิ่งที่เราต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรม คือ เนื่องจากเรามีพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งควบคุมดูแลสถานบริการทางการแพทย์ และกำหนดให้สถานพยาบาลทุกแห่งต้องมีป้ายแจ้งจุดที่ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบสิทธิของผู้ป่วยหรืออัตราค่าบริการทางการแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ ขณะที่ผู้ให้บริการต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าบริการทางการแพทย์ให้ผู้ป่วยได้รับทราบเพื่อใช้ในการตัดสินใจก่อนเข้ารับการรักษา ตนจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำตรงนี้ตามที่กฎหมายดังกล่าวกำหนดไว้ ถ้าใครพบว่ามีโรงพยาบาลแห่งใดที่ไม่ติดป้ายดังกล่าว สามารถร้องเรียนมาได้ หรือหากใครเข้ารับบริการทางการแพทย์แล้วรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถร้องเรียนได้ตามช่องทางรับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ ตนขอว่าอย่าเอาทุกอย่างไปขยายความอีก เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างโรงพยาบาลเอกชนกับผู้รับบริการ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้านสถานพยาบาล ซึ่งไม่เพียงแค่เรื่องมาตรฐานของการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ยังต้องมีมาตรฐานและความโปร่งใสในด้านราคาค่าบริการด้วย