สธ.เปิดบ้านพักผู้ป่วยมะเร็ง 'บ้านปันน้ำใจ ไทยเพิ่มพูล' รพ.ร้อยเอ็ด
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดบ้านพักผู้ป่วยมะเร็ง “บ้านปันน้ำใจ ไทยเพิ่มพูล” โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เป็นที่พักผู้ป่วยและญาติ ที่จำเป็นต้องได้รับการฉายแสงเป็นระยะเวลานานตั้งแต่ 15 วันถึง 2 เดือน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไป-กลับ
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.62 นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิด “บ้านปันน้ำใจ ไทยเพิ่มพูล” บ้านพักผู้ป่วยมะเร็ง โรงพยาบาลร้อยเอ็ด รองรับผู้ป่วยที่ต้องรับการฉายแสง ตั้งแต่ 15 วันถึง 2 เดือน ช่วยลดปัญหาและลดความลำบากให้ผู้ป่วยและญาติ ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเช่าที่พัก และไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป-กลับทุกวัน
สำหรับบ้านพักหลังนี้ สร้างขึ้นในที่ดินราชพัสดุ ของกรมธนารักษ์ เนื้อที่ 1 ไร่ 98 ตารางวา อยู่ห่างจากอาคารศูนย์มะเร็งเฉลิมพระเกียรติ จุฬาภรณ์ 400 เมตร ได้รับสนับสนุนก่อสร้างบ้านพักจากกลุ่มบริษัทไทยเพิ่มพูลร้อยเอ็ด จำกัด และจากกองทุนสงฆ์เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา รวมทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ประชาชนในพื้นที่ ร่วมบริจาคจัดซื้อเครื่องใช้จำเป็น สามารถรองรับผู้ป่วยมะเร็งได้ 20 คนต่อวัน มีการจัดระบบความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ได้พัฒนาศักยภาพเป็นศูนย์เชี่ยวชาญการรักษาสาขา มะเร็ง โดยความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุข เริ่มให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 มีความพร้อมในการบริการแบบครบวงจร มีหน่วยบริการรังสีรักษาด้วยเครื่องฉายแสงชนิด 3 มิติ (LINAC) ที่มีคุณภาพและประสิทธิการรักษาขั้นสูง เป็นการจัดบริการแบบผู้ป่วยนอก ศักยภาพในการฉายรังสี 1,000 ราย/ปี พร้อมด้วย เครื่องเอกซเรย์จำลองการรักษา Brachytherapy (การใส่แร่) ขณะนี้มีผู้ป่วยรับการฉายแสง ประมาณ 60 ราย/วัน เป็นประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และจังหวัดอื่นๆ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ให้บริการโดยมีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ ความสามารถ และผ่านการอบรมเฉพาะทางหลายสาขา โดยมะเร็งที่พบอันดับ 1 คือมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี ปีละ 500-700 ราย อันดับ 2 คือ มะเร็งเต้านม อันดับ 3 คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจแทนพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียง ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดมีศูนย์มะเร็งเฉลิมพระเกียรติจุฬาภรณ์ ที่มีศักยภาพใน การรักษาโรคมะเร็งอย่างครบวงจร ทันสมัย มีประสิทธิภาพการรักษาสูง ไม่ต้องเดินทางไปรักษาไกลถึงกรุงเทพมหานคร ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการมีบ้านพัก ที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์เพื่อก่อสร้าง และจัดหาอุปกรณ์ให้พร้อม ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสาหรับผู้ป่วยมะเร็งอย่างมาก ประชาชนที่มารับการรักษา จะได้มี ที่พักพิง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง” นายแพทย์สุขุม กล่าว