ส่ง 'ปอร์เช่' 5 คันให้ป.ป.ช.ฟันอาญา เอาผิดศุลกากรส่อทุจริต

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ร.ต.อ.สุรวุฒิ. รังไสย์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีรถจดประกอบ นำสำนวนคดีทุจริตตรวจปล่อยรถยนต์จดประกอบพร้อมของกลางในคดี ซึ่งเป็นรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ ยี่ห้อปอร์เช่ ไปส่งมอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนความผิดทางอาญา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ตามกฎหมายที่ได้รับการแก้ไขใหม่ พนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการ

สำหรับคดีดังกล่าว ดีเอสไอเริ่มต้นตรวจสอบจากบัญชีการนำเข้ารถยนต์จดประกอบ โดยพบหลักฐานน่าเชื่อว่ารถยนต์ซุปเปอร์คาร์จำนวนมากที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ถูกขนส่งมาสำเร็จรูปทั้งคัน แต่ปลอมแปลงใบขนให้เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ แล้วนำใบขนปลอมมาสำแดงเท็จแยกเป็นใบขนชิ้นส่วนตัวถังกับใบขนเครื่องยนต์ ส่วนใบขนขาเข้าตัวจริงจากประเทศต้นทางจะถูกทำลายทิ้ง โดยอ้างว่าสูญหายจากอุบัติเหตุไฟไหม้หรือน้ำท่วม

นอกจากนี้ เมื่อนำรถยนต์เข้าตรวจสอบทางกายภาพพบว่า รถยนต์ไม่เคยถูกถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนใดๆ อีกทั้งเทคโนโลยีในโรงประกอบรถยนต์ทั่วๆไป ไม่สามารถประกอบรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ได้ มูลคดีจึงน่าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรผู้นำหน่าที่ตรวจปล่อยสินค้า รู้เห็นกับผู้นำเข้าจึงยอมรับหลักฐานใบขนเท็จ

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รถยนต์ปอร์เช่มีราคาขายในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ผู้นำเข้าผิดกฎหมายนำมาจำหน่ายเพียงคันละ 3-5 ล้านบาท หลังจากการตรวจสอบและสั่งอายัดรถยนต์ของกลาง โดยเรียกผู้ครอบครองมาทำสัญญานำรถยนต์ไปเก็บรักษาเอง แต่ต้องพร้อมส่งมอบรถยนต์ของกลางให้พนักงานสอบสวนในทันที

นอกจากนี้ดีเอสไอยังประสานไปยังกรมการขนส่งทางบก ไม่อนุญาตให้จดทะเบียนหรือโอนขายเปลี่ยนผู้ครอบครองรถยนต์จดประกอบทุกคัน. เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกให้ซื้อรถผิดกฎหมาย. สำหรับผู้ซื้อรถยนต์โดยสุจริตใจ ไม่เกี่ยวข้องกับการสำแดงใบขนปลอม ดีเอสไอไม่ได้แจ้งข้อหากดำเนินคดี แต่ต้องถูกยึดรถยนต์ของกลาง ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้ซื้อต้องไปฟ้องแพ่งเอากับผู้ขายและผู้นำเข้า