อดีตรมว.คลัง 'ทษช.' ข้องใจรัฐบาล ก่อหนี้ท่วม-คนไทยยากจน
"อดีตรมว.คลัง" ทษช. ออกโรงแจงเหตุรัฐบาล คสช. บริหารผิดพลาด เศรษฐกิจไทยตกต่ำ ผลาญงบฯอื้อ ก่อหนี้ผูกพันธ์เน้นการซื้ออาวุธ “สุชาติ” ย้ำ 5 ปีสร้างหนี้กว่า 6.3 ล้านล้านบาท ข้องใจใครทำคนไทยยากจน
ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง และทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่าเหตุที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำลง เติบโตเฉลี่ยเพียง 3.5% ในช่วง 2558-61 และเกือบต่ำที่สุดในอาเซียน สาเหตุใหญ่คือ รัฐบาลไทยมาจากการปฏิวัติยึดอำนาจ ทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่น คู่ค้าส่วนใหญ่ หยุดการเจรจาและทำข้อตกลงทางการค้า ลดการเข้ามาลงทุนนอกจากนี้ รัฐบาลนี้ยังบริหารผิดพลาด เนื่องจากขาดความรู้ในการบริหารเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ แต่รัฐบาลกลับบริหารเป็นเรื่องๆ ทำเรื่องหนึ่งไป ก็เป็นผลเสียกับอีกเรื่องหนึ่ง
การเน้นการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อซื้ออาวุธจำนวนมาก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รัฐบาลเป็นหนี้มากขึ้นมาก ในภาวะปัจจุบันการซื้ออาวุธเป็นรายจ่ายที่แทบไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ไม่เพิ่มรายได้ประชาชาติ มีแต่จะทำให้ประเทศยากจนลง จนไม่มีเงินเพียงพอที่จะดูแลการสาธารณสุขและการศึกษา นอกจากนี้การใช้เงินซื้ออาวุธฯ ยังทำให้ไม่มีเงินเพียงพอในการพัฒนาโครงสร้างบริการพื้นฐาน เช่น ถนน แหล่งน้ำ ระบบขนส่งมวลชน ท่าเรือ ระบบอินเทอร์เน็ต โลจีสติก หากรัฐฯ ต้องการทำก็ต้องไปกู้เงินเพิ่มอีกมากมาย
รัฐบาลกู้เงินจำนวนมากกว่า 120,000 ล้านบาท มาแจกประชาชนไปใช้จ่าย นอกจากรัฐจะสร้างหนี้เพิ่มขึ้นมาก จนถึงระดับกว่า 6.37 ล้านๆบาทแล้ว ยังไม่สามารถเพิ่มความเจริญเติบโตของประเทศได้ เพราะการกู้เงินมาแจก ก็จะถูกใช้หมดไปทันที แต่หากรัฐบาลใช้เงินกู้นั้นมาร่วมลงทุนกับประชาชน หรือพัฒนาสาธารณูปโภคให้ดี ประชาชนก็จะมีกินมีใช้ต่อไปอีกนาน มีฐานะดีขึ้น สามารถมาช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญเติบโตในอัตราที่สูงขึ้นได้ การกู้เงินมาแจกยังทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มองนโยบายรัฐบาลไม่สมเหตุสมผล จึงไม่กล้าลงทุน
การบริหารประเทศแบบก้าวร้าว ใช้คำพูดไม่เป็นบวก เช่น ในกรณีเรือล่มที่ภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลพูดปัดความรับผิดชอบ ทำให้รัฐบาลต่างชาติไม่ชอบใจ นักท่องเที่ยวหายไปจำนวนมาก จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ฟื้น รายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศจึงลดลงไปมาก
ในรอบ 5 ปีมานี้ รัฐบาลปล่อยให้เงินบาทแข็งค่ามากมายกว่า 16% (วัดในรูปอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงกับประเทศคู้ค้าและคู่แข่ง) ทำให้การส่งออกสินค้าติดลบ การบริการและการท่องเที่ยวน้อยลง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ได้มาก็แลกเงินบาทได้น้อยลงมาก ทำให้ผู้ส่งออกตัวจริง คือกรรมกรและชาวนา มีรายได้ลดลง ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจึงมีน้อย การค้าขายภายในประเทศจึงซบเซา เศรษฐกิจจึงแย่ลงทั่วประเทศ
รัฐบาลส่งเสริมนายทุนใหญ่ค้าขายสินค้าและบริการเกือบทุกชนิด ทะลุไปทั่วประเทศทุกหย่อมหญ้า แม้บัตรคนจนที่รัฐบาลออกให้ ก็ต้องซื้อสินค้าจากนายทุนใหญ่ ประชาชนคนธรรมดาไม่มีที่ขายสินค้า ถูกนายทุนใหญ่แย่งที่ไปหมด จึงเป็นที่มาของ “รวยกระจุก จนกระจาย”
หากประเทศไทยแก้ไขในสิ่งเหล่านี้ได้ เศรษฐกิจไทยก็จะดีขึ้น เจริญเติบโตสูงขึ้น หากไม่แก้ไข เราก็จะติดกับดัก 4 ประการคือ (1) กับดักประเทศรายได้ปานกลาง ไม่สามารถหลุดพ้นได้ เพราะอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ (2) กับดักหนี้ต่อประชากรสูง เพราะประเทศไม่เจริญเติบโต รายได้ไม่พอกิน และรัฐบาลยังสร้างหนี้มากมาย (3) กับดักเทคโนโลยีต่ำ เพราะเทคโนโลยีที่ซื้อมาแล้ว ยังใช้ไม่เต็มที่ เพราะผลิตต่ำกว่าความสามารถมาก (4) กับดักประชากรสูงอายุ แต่ประเทศไม่มีรายได้เพียงพอ ที่จะดูแลประชาชน