ฝนหลวงฯบินบ่ายนี้ ชี้อากาศปิดคาดเพิ่มขึ้นสัปดาห์หน้า
"กรมฝนหลวงฯ" เฝ้าระวังติดตามหาวิธีล่วงหน้า ลดปริมาณฝุ่นพิษเมืองหลวง ชี้อากาศปิดคาดเพิ่มขึ้นสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.62 นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า วันนี้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วทั้งจังหวัดนครสวรรค์และระยองยังคงพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง จากที่เมื่อวานนี้เกิดเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ฝนหลวงซึ่งกำลังบินฝึกท่าลงจอดฉุกเฉิน แล้วขณะที่เครื่องใกล้จะถึงพื้น เกิดปัญหาที่ส่วนหางของเฮลิคอปเตอร์ ทำให้เครื่องเสียการทรงตัว หางแตะพื้น โดยนักบินคือ ร.อ. พิทักษ์สันติมงคลกุล มงคงศิริ เป็นนักบินที่ 1 และพ.ต. ทันรบ ณ ลำปาง นักบินที่ 2 ได้พยายามควบคุมเครื่องอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เฮลิคอปเตอร์ได้ตกกระแทกพื้นเล็กน้อยซึ่งนักบินทั้ง 2 คนและพ.ต.อ. ชาตรี จันทร์สว่าง ช่างเครื่องบินปลอดภัยทั้งหมด
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงฯ เสียกำลังใจ ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจที่สำคัญในขณะนี้ต่อไปคือ การทำฝนลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบตอสุขภาพของประชาชน โดยนายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ห่วงใยมาก สอบถามอาการของผู้ปฏิบัติงานทั้ง 3 คนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รายงานว่า วันนี้ได้ส่งตัวไปตรวจสอบร่างกายเพิ่มเติมตามหลักเวชศาสตร์การบิน ทั้งนี้นายกฤษฏาได้ให้ตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว รวมทั้งกำชับให้กรมฝนหลวงฯ ตรวจสอบอากาศยานทุกลำให้อยู่ในสภาพพร้อมปฏิบิติการเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกคน
“รมว.เกษตรฯฝากความห่วงใยมาถึงเจ้าหน้าที่ฝนหลวงว่า ทุกคนปฏิบัติงานด้วยจิตใจบริสุทธ์ มุ่งมั่นช่วยเหลือประชาชนตามพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จึงได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย และให้ติดตามหาวิธีล่วงหน้าแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ที่จะเพิ่มมากขึ้นสัปดาห์หน้าจากสภาพอากาศปิด” นายสุรสีห์กล่าว
จากการตรวจสภาพอากาศในช่วงเช้านี้ทั้งที่สถานีตรวจอากาศจ.ระยอง จ.นครสวรรค์ และราชบุรีพบว่า ความชื้นสัมพัทธ์อากาศอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ ค่าดัชนีการยกตัวของมวลอากาศไม่ดีเท่าที่ควร จึงจะยังไม่บินขึ้นปฏิบัติการ โดยหวังว่าพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างวันจะช่วยให้ค่าดัชนีการยกตัวของอากาศดีขึ้น จากนั้นจะพิจารณาบินขึ้นปฏิบัติการในช่วงบ่าย หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย
ทางด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นคืนที่ 7 ที่กรมชลประทานร่วมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ของกทม. โดยสำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน จัดส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ 3 คัน พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำ 1 คัน เข้าทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตดุสิต บริเวณแยกสุโขทัยถึงแยกศรีย่าน อีกทั้งส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ 4 คัน พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำ 1 คัน เข้าร่วมทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตบางเขน บริเวณถนนรามอินทราฝั่งขาออกจากแฟลต กม.4 ถึงกองบินตำรวจ และส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 5 คัน เข้าทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตยานนาวา บริเวณถนนนพระราม 3 ซอย 74 และฝั่งตรงกันข้าม และส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 4 คัน พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำ 1 คัน เข้าร่วมปฏิบัติการทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ บริเวณแยกวิภาวดี ถึงคลองประปา
นายทองเปลว กล่าวว่า รถบรรทุกน้ำซึ่งติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำนั้นสามารถฉีดพ่นละอองน้ำได้สูงประมาณ 15 เมตรหรือเท่ากับตึกสูง 5 ชั้น รัศมีการฉีดพ่นกว้าง 3 เมตรซึ่งสามารถเกาะฝุ่นละอองในอากาศให้ตกลงมาได้ดี จากนั้นรถบรรทุกน้ำจะฉีดล้างถนนเพื่อชะฝุ่นที่อยู่บนผิวพื้นออกไป ซึ่งการปฏิบัติภารกิจลดปริมาณการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองในอากาศพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้นกรมชลประทานจะยังร่วมปฏิบัติภารกิจในทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ