"โฆษกศาล" เผยสนช.ผ่านแล้ว ร่าง พ.ร.บ.เจ้าพนักงานตำรวจศาล มีอำนาจตามจับผู้ต้องหา-จำเลยหนีหมาย-ขัดคำสั่งเงื่อนไขศาล งบปีแรกกว่า 22 ล้านจัดให้ได้ 40 อัตรา
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติผ่านความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ เจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ....แล้ว และเห็นสมควรให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งในขั้นตอนต่อไป สนช.จะส่งร่าง พ.ร.บ.ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ขณะที่ "โฆษกศาลยุติธรรม" ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ สำหรับการดำเนินการจัดให้ "เจ้าพนักงานตำรวจศาล" ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยและติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หลบหนีหมายจับด้วยว่า การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว เป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้งในเรื่องที่อาจมีสถานการณ์อันอาจกระทบต่อการทำหน้าที่ของผู้พิพากษาในการอำนวยความยุติธรรมและกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นศาล กับหลบหนีคดีรวมทั้งกรณีที่มีผู้ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของศาลที่ถูกออกหมายจับแล้วแต่ยังไม่สามารถจับกุมได้ ซึ่งส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดีเกิดความล่าช้า โดยที่ผ่านมาในส่วนของสำนักงานศาลยุติธรรมก็มีเพียงสำนักงานรักษาความปลอดภัยที่มีการจัดกำลัง รปภ.ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยบริเวณศาลเท่านั้น ซึ่งการเสนอให้มีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น "เจ้าพนักงานศาล" ก็เป็นการยกระดับสำนักงานรักษาความปลอดภัย ที่ให้มีภารกิจเพิ่มขึ้นในการจัดสรรกำลังคนที่เรียกว่า "เจ้าพนักงานตำรวจศาล" โดยผู้นั้นต้องมีคุณสมบัติมีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ไม่เป็นข้าราชการการเมือง เป็นต้นนั้น ซึ่งจะสนับสนุนต่อการพิจารณาพิพากษาคดีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในส่วนของการติดตามจับกุมผู้หลบหนีหมายจับในชั้นศาล รวมทั้งการรักษาความ ความปลอดภัยให้แก่ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ผู้พิพากษา)
โฆษกศาลยุติธรรม ยังย้ำว่า จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีผู้ที่ทำหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตลอดจนรักษาความปลอดภัย ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถแจ้งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจดำเนินการได้ทันท่วงที และเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหาย หรือภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน คู่ความ หรือบุคลากรของศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลยุติธรรมในบริเวณศาลและอาคารสถานที่ของสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม และทำให้การอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมาขึ้น สำหรับการเตรียมความพร้อมภายในทั้งงบประมาณ อัตรากำลัง และครุภัณฑ์ที่จำเป็นนั้น สํานักงานศาลยุติธรรมมีความพร้อมและสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีหลังจากมีการประกาศใช้เป็นกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับดำเนินการ ทั้งในส่วนของบุคลากร , คุรุภัณฑ์ และการบริหารจัดการ ในปีแรกจัดวงเงินไว้ 22.18 ล้านบาท โดยช่วง 3 ปีแรกตั้งเป้าจัดอัตรากำลังไว้ที่ 40 อัตรา จากนั้นก็จะขยายอัตรากำลังเพิ่มขึ้นจนสุดท้ายครบ 109 อัตราในปีที่ 5 ซึ่งงบประมาณทั้งหมดวงเงิน 316.98 ล้านบาท ส่วนเนื้อหาในร่างกฎหมายดังกล่าว มีทั้งสิ้น 11 มาตรา โดยสาระสำคัญที่น่าสนใจ การกำหนดอำนาจหน้าที่ "เจ้าพนักงานตำรวจศาล" อยู่ใน มาตรา 5 บัญัติให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
(1) รักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยบุคคลและทรัพย์สินในบริเวณศาล (2) ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในบริเวณศาล (3) รักษาความปลอดภัยและคุ้มครองข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พนักงานและลูกจ้างของศาลและสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่ รวมทั้งอาคารสถานที่ และทรัพย์สินของศาลและสำนักงานศาลยุติธรรม (4) ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการแจ้งให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับผู้ต้องหา หรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาลแล้วหนีหรือจะหลบหนี หรือถ้ามีเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถ ขอความช่วยเหลือจากพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้ทันท่วงที ก็ให้มีอำนาจจับผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นได้ และเมื่อจับได้แล้ว ให้นำผู้ถูกจับไปยังศาลโดยเร็ว (5) เมื่อศาลได้ออกหมายจับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งศาล ให้ศาลมีคำสั่ง ตั้งเจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นผู้จัดการตามหมายจับ และหากศาลเห็นสมควร ศาลอาจให้พนักงาน ฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้จัดการตามหมายจับด้วยโดยมีเจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นผู้สนับสนุนก็ได้ ขณะที่ “มาตรา 6” ระบุให้ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจศาล ต้องมีคุณสมบัติและไม่มี ลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (3) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (4) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (5) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง (6) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่กำหนดในระเบียบคณะกรรมการ ข้าราชการศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม ให้เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมมีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มี ลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่งและผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรมประกาศกำหนดเป็นเจ้าพนักงานตำรวจศาล ขณะที่ "มาตรา 8" ระบุให้ การใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาล อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้และเป็นเรื่องความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม และเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ “มาตรา 9” ระบุ ให้สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน และกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยุทธภัณฑ์เช่นเดียวกับราชการทหารและตำรวจ ตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้การมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรมกำหนด โดยที่ “มาตรา 10” ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานตำรวจศาล เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และให้มีหน้าที่และอำนาจเช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา ติดตามดูรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.เจ้าพนักงานตำรวจศาล" ได้ที่นี