ศาลอุทธรณ์กลับยกฟ้อง "หญิงไก่" พ้นผิดค้ามนุษย์ ลวงเด็กสาวแม่ฮ่องสอนทำงานบ้าน ยังติดคุกหมิ่นเบื้องสูงอีก 2 สำนวน
ที่ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหญิงไก่ค้ามนุษย์หมายเลขดำ คม.76/2559 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นางมณตา หยกรัตนกาญ" หรือหญิงไก่ อายุ 61 ปีเศษ ผู้ที่เคยสมอ้างเป็นคุณหญิงและอ้างมีความใกล้ชิดชนชั้นสูง เป็นจำเลย ในความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปีฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6 , 35 , 52 โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 ต.ค.59 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ต้นเดือน มิ.ย.49–ปลายเดือน ต.ค.53 น.ส.ดาลิน หล้าคำ อายุ 19 ปี ผู้เสียหายที่ 1 สมัครทำงานเป็นแม่บ้านไว้ที่ศูนย์จัดหางานใน จ.ปทุมธานี ต่อมาศูนย์ฯ ส่งตัวผู้เสียหายไปทำงานกับจำเลยที่ประชานิเวศน์คอนโด เขตจตุจักร กทม. ระหว่างนั้นจำเลยหลอกลวงบังคับใช้แรงงานผู้เสียหายที่ 1 ให้ทำงานบ้านตั้งแต่เวลา 05.00–22.00 น. ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยจำเลย ไม่จ่ายค่าจ้างให้ จ่ายเพียงค่ายังชีพเล็กน้อย แล้วจำเลยยังขู่ว่า หากผู้เสียหายที่ 1 ไม่ยอมทำงานแล้วจะกลับบ้าน จำเลยก็จะแจ้งตำรวจจับ บิดา-มารดา จนผู้เสียหายที่ 1 เกิดความกลัวว่าเกิด อันตรายต่อชีวิตและเสรีภาพทั้งกับตัวเองและบิดามารดา เพราะเคยเห็นจำเลยแจ้งตำรวจให้จับกุมดำเนินคดีกับลูกจ้างคนอื่นที่ออกจากงาน ด้วยการกล่าวหาว่าลักทรัพย์ จำเลย จึงทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมทำงานให้จำเลย ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจากการบังคับใช้แรงงาน
ต่อมาระหว่างต้นเดือน พ.ค. 51-ปลายเดือน เม.ย.52 จำเลย ยังหลอกลวง น.ส.กาญจนา ปองลาภสุนทร ผู้เสียหายที่ 2 จาก จ.แม่ฮ่องสอนด้วย โดยจำเลยไปอ้างกับบิดามารดาของผู้เสียหายว่าเป็นคุณหญิง ชอบช่วยเหลือคนยากจน จึงจะให้ผู้เสียหายมาทำงานด้วยที่ กทม. จะให้เงินๆ เดือนละ 6,000 บาท พร้อมส่งเสียให้เรียนพยาบาลฟรีโดยจำเลยได้ให้เงินกับบิดา-มารดาไว้ 5,000 บาท เพื่อให้ความยินยอมพาผู้เสียหายมา แต่ภายหลังเมื่อจำเลยพาผู้เสียหายมาพักที่ประชานิเวศน์คอนโดแล้ว ได้ยึดบัตรประชาชนผู้เสียหายที่ 2 ไว้ ก่อนบังคับ ทำงานเช่นเดียวกับผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่ได้ส่งเสียให้เรียน และเมื่อต้นเดือน ก.ค.52–ก.พ.53 จำเลยได้หลอกลวง น.ส.ขวัญจิรา จิรสกุลโชคชัย อายุ 17 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 3 ให้มาทำงานแม่บ้านกับจำเลยที่ประชานิเวศน์คอนโด โดยอ้างว่าจะให้เงินๆ เดือนละ 4,500 บาท และให้ผู้เสียหายเรียกว่าคุณหญิง กับบังคับใช้แรงงานตั้งแต่ 05.00–23.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยให้ทำงานบ้านและนวดตัวให้จำเลย ซึ่งเป็นการบังคับใช้แรงงานเด็ก มีลักษณะคล้ายกับการเอาคนลงเป็นทาสด้วยวิธีการข่มขู่ ขณะที่จำเลยถูกจับกุมในคดีอื่น แล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค.59 พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
โดยวันนี้ "ศาล" เบิกตัว "นางมณตาหรือหญิงไก่" จำเลยที่ถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2559 ที่ถูกอัยการยื่นฟ้องคดีค้ามนุษย์รวม 2 สำนวน และคดีหมิ่นเบื้องสูงอีกสำนวน มาฟังคำพิพากษา ขณะที่คดีศาลชั้นต้น มีพิพากษาไปเมื่อ 19 ต.ค. 60 เห็นว่าสำหรับผู้เสียหายที่ 1 และ 3 พยานหลักฐานยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ข่มขู่ หรือเข้าข่ายความผิดตามฟ้อง เนื่องจากไม่มีการยึดบัตรประชาชน และการทำงานเป็นไปด้วยความสมัครใจ ยังไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ว่าผู้เสียหายต้องทำงานต่อเนื่องตั้งแต่ 05.00 น. ถึง 22.00 น.จริง และยังรับฟังไม่ได้ว่า มีการข่มขู่บิดาของผู้เสียหายที่ 3 เพื่อแสวงหาจากการบังคับใช้แรงงาน โดยพยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้เพียงว่า จำเลยได้ยึดบัตรประชาชนจำเลยที่ 2 มาเก็บไว้ โดยจำเลยไม่จ่ายค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาทตามที่ตกลงกันไว้ และยังไม่ส่งผู้เสียหายที่ 2 เรียนพยาบาลตามที่เคยมีการตกลงกันไว้ ซึ่งพิจารณาเเล้วถึง แสดงให้เห็นจำเลยมีเจตนาหาประโยชน์โดยมิชอบจากการใช้แรงงาน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ฯ ให้จำคุก 4 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีจึงลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือจำคุก 3 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 590,007 บาท
ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ซึ่ง "ศาลอุทธรณ์" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยฐานค้ามนุษย์ โดยบังคับใช้แรงงาน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 ซึ่งจะต้องเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นธุระจัดหากักขังหน่วงเหนี่ยว โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครอง หรือบุคคลนั้น แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยจัดให้ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นเด็ก ได้พักอาศัยในคอนโดประชานิเวศน์ ให้ทำงานบ้าน ซึ่งนอกจากผู้เสียหายที่ 2 แล้ว ยังมีผู้เสียหายที่ 1 และ 3 ทำงานบ้านเช่นเดียวกัน โดยทั้งสามแบ่งหน้าที่กันทำให้ช่วยดูแลจำเลยกับบุตรเพียง 2 คนเท่านั้น เชื่อว่างานที่ผู้เสียหายทำไม่หนักมาก และยังได้ความจากผู้เสียหายที่ 2 ว่า จำเลยได้ให้เงินครั้งละ 1,000 บาท ให้โทรศัพท์ , ให้ค่าเดินทางกลับบ้าน 2,000 บาท และโอนเงินให้อีก 5,000 บาท กับพาไปเที่ยวต่างจังหวัดบางครั้ง อีกทั้งเวลาว่างสามารถออกไปซื้อของข้างนอกได้ แสดงว่าผู้เสียหายที่ 2 มีอิสระ ไม่ได้ถูกกักขัง แม้จะปรากฏว่า จำเลยชวนผู้เสียหายที่ 2 มาทำงาน และอ้างว่าจะส่งเสียให้เรียนพยาบาล แต่กลับมอบเงินให้บิดามารดา 5,000 บาท จนยินยอมให้พาผู้เสียหายไปทำงาน และเมื่อไปแล้วกลับไม่ส่งเสียให้เรียน รวมทั้งไม่จ่ายค่าจ้างกับยังนำบัตรประชาชนมาเก็บไว้ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ยังไม่ปรากฏจากการนำสืบว่าระหว่างที่ผู้เสียหายทำงานกับจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำใดเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทำงานที่จะทำให้ผู้เสียหายจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน หรือขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือทำให้ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้แต่อย่างใด
อีกทั้ง ยังได้ความจากผู้เสียหายที่ 2 เองว่า จำเลยเป็นคนโมโหง่าย แต่ไม่เคยบังคับข่มขู่ให้ทำงาน ข้อเท็จจริงที่โจทย์นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การกระทำของจำเลยจึงไม่ครบองค์ประกอบการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2) ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น สำหรับคดีส่วนแพ่ง เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด จึงเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายที่ 2 จึงพิพากษากลับยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา "นางมณตา" หรือหญิงไก่ ร้องไห้ด้วยความดีใจ ก่อนทรุดลงกับพื้นและก้มลงกราบหน้าบัลลังก์ศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ “หญิงไก่” ขณะนี้ก็ถูกจำคุกคดีหมิ่นเบื้องสูง 2 สำนวน หมายเลขดำ อ. 3186/2559 และหมายเลขดำ อ.3592/2560 สำนวนละ 7 ปี 6 เดือน ที่จำเลยขอรับสารภาพซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.60 และ 29 ม.ค.61 ขณะที่คดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ คม.98/2559 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 2 ยื่นฟ้องว่ากรณีเมื่อต้นเดือน พ.ค.51 - 30 พ.ย.53 จำเลย อ้างตัวว่าเป็นคุณนาย มีนิสัยใจบุญชอบช่วยเหลือคนยากจน แล้วชวนผู้เสียหายอายุ 16 ปีจาก จ.แม่ฮ่องสอน ไปทำงานที่กรุงเทพฯ จะให้เงินเดือน 5,000 บาท และจะอุปการะส่งเสียเรียนหนังสือ โดยให้มาอาศัยที่ประชานิเวศน์คอนโดของจำเลย แต่ภายหลังบังคับผู้เสียหายเป็นคนรับใช้ ทำงานตั้งแต่เวลา 05.00 น. – 22.00 น.ทุกวันไม่มีวันหยุดและไม่จ่ายค่าตอบแทน ศาลชั้นต้นก็มีคำพิพากษายกฟ้อง