"บิ๊กโจ๊ก" สั่งขยายผลหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง แก๊งปลอมตราประทับวีซ่า เผยผู้ต้องหาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่การทูต รู้ช่องทางจัดหาแรงงานร่วมกับแฟนสาว
จากกรณีพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. นาง เพชรรัตน์ สินนอวย อธิบดีกรมการจัดหางานพล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 และ พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.สายตรวจ สนธิกำลังตำรวจ สตม. ตำรวจท่องเที่ยว และชุด ศปอส.ตร. เข้าปิดล้อมตรวจค้น บริษัท นำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ ซีบีเส เวิลด์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 216/6 ซ แจ้งวัฒนะ 6 แยก 1-2 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยสามารถจับกุมนายสุรวุฒิ สินธวาชีวะ อายุ 60 ปี เจ้าของบริษัท และ น.ส.น้ำฝน อายุ 42 ปี ภรรยาชาวเมียนมาร์ ผู้ต้องหาแก๊งปลอมดวงตราประทับวีซ่าในประเทศไทยภายในบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ สามารถตรวจยึดพาสปอร์ต ประเทศเมียนมาร์ ได้จำนวน 722 เล่ม ตรายางหน่วยราชการจำนวน 24 อัน ตรายางบริษัทต่างและเอกการสารอีกจำนวนมาก ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยความคืบหน้าว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการขยายผลการจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังในการร่วมกระทำความผิด เนื่องจากหลักฐานที่พบปรากฏรายชื่อบริษัทรับจัดหางานกว่า 10 รายชื่อ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างชุดสืบสวนตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นและหมายจับผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามกรณีที่เกิดขึ้นทางกรมการจัดหางานได้หรือมาตรการขั้นเด็ดขาดในการเพิกถอนใบอนุญาตบริษัทของผู้ต้องหาเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ในส่วนตัวของผู้ต้องหาคือ นายสุรวุฒิ สินธวาชีวะ นั้นอดีตเคยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่การทูต ระดับ 3 กระทรวงการต่างประเทศ และได้ทำหนังสือลาออกไปเมื่อปี พ.ศ.2537 จึงมีความเชี่ยวชาญในการนำแรงงานชาวต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ และรู้ช่องการจัดหาแรงงาน และประกอบธุรกิจกับแฟนสาวชาวเมียนมาร์ นานกว่า 10 ปี