'บังนัท' สารภาพเสพยา ลวงเด็ก 12 ปีข่มขืนตึกร้าง

ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ 191 เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผู้บังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) แถลงข่าวการจับกุมตัวนาย สำรวย จิตรชื้น หรือบังนัท อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/7 หมู่ที่ 2 ต.ผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุล่อลวง ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ไปข่มขืนภายในตึกร้าง ถนนรามคำแหง 81 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. โดยกล่าวหาว่า พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจัดขึ้นได้ จับกุมได้ที่เพิงพักปลูกเองไม่มีบ้านเลขที่ ในชุมชนบึงสำราญ ถนนนวมินทร์ 26 แยก 1 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ

พล.ต.ต.สำราญ เปิดเผยว่าทั้งนี้สืบเนื่องมาจากวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น นายสำรวยหรือบังนัท ได้พาเด็กหญิงเอ อายุ 12 ปีไปก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราที่บริเวณอาคารร้างย่านถนนรามคำแหง 81 แขวงหัวหมากเขตบางกะปิกรุงเทพมหานคร ซึ่งเคยเปิดเป็นสถานบันเทิงเก่าแต่ปัจจุบันปิดตัวไปนานแล้ว หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้สั่งการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษเร่งดำเนินการจับกุมตัวคนร้าย ตนจึงได้มอบหมายให้พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. ทำการสืบสวนสอบสวนเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

ต่อมา พ.ต.ท.จักรกริช เวียงสมุทร สว.งานสายตรวจ 2 ได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว ตามสถานที่ต่างๆที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะหลบหนีไปซุกซ่อนตัวอยู่กระทั่งสืบทราบว่านายสำรวย ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีมากบดานอยู่ที่เพิงพักปลูกเองไม่มีบ้านเลขที่ ในชุมชนบึงสำราญ ถนนนวมินทร์ 26 แยก 1 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ จากการสอบสวนเบื้องต้นนายสำรวยรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ข่มขืนเด็กหญิงเอ เนื่องจากในวันดังกล่าวได้เสพยาเสพติดมาก่อนจึงทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศจึงได้ก่อเหตุล่อลวงเด็กหญิงมาข่มขืน

ผบก.สปพ.เผยต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายสำรวย มีหมายจับติดตัว 2 หมายข้อหาลักทรัพย์ของ สน.สายไหมและสน.มีนบุรี ก่อนหน้านี้ยังเคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดในพื้นที่สน.โชคชัย สน.โคกครามและสน.บึงกุ่ม เมื่อปี 2555 และ 2561 เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อดำเนินคดีต่อไป