กกต.พร้อมแจงศาล ปม 'กรวีร์' หลุดปาร์ตี้ลิสต์
คาด "ภท." คีย์ข้อมูลช้า เป็นเหตุ "กรวีร์" ถูกตัดสิทธิเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ ซ้ำวันสมัครไม่ยื่นเอกสารประกอบ กกต.เตรียมรวบรวมเอกสารส่งศาลฎีกาพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ไม่ได้รับการประกาศรายชื่อให้เป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 9 ของพรรคภูมิใจไทยนั้น มีรายงานว่า ปัญหาอาจเกิดจากความล่าช้าในการคีย์ข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรค โดยพบว่า นายภราดร ปริศนานันทกุล พี่ชายของนายกรวีร์ได้หมายเลขสมาชิกลำดับที่ 390907 ขณะที่นายกรวีร์ ได้หมายเลขสมาชิกลำดับที่ 892262 ซึ่งโดยหลักแล้วการบันทึกนำเข้าข้อมูลสมาชิกในระบบฐานข้อมูล ผู้บันทึกและนำเข้าข้อมูลได้ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคเท่านั้น สำนักงานกกต.ไม่มีอำนาจ ที่จะบันทึกนำเข้าหรือหรือแก้ไขข้อมูลที่พรรคบันทึกได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตามขั้นตอนแล้ว ภายหลังพรรคการเมืองบันทึกข้อมูลสมาชิกเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลแล้ว สำนักงานกกต.จะจัดส่งข้อมูลให้กับสำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง ตรวจสอบเพื่อดูว่าบุคคลดังกล่าวมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หรือพรรคบันทึกเลขประจําตัว 13 หลัก ตรงตามข้อมูลหรือไม่ เมื่อกรมการปกครองรับรองข้อมูลแล้วสำนักงานกกต.จึงจะนำข้อมูลที่ถูกต้องขึ้นเป็นข้อมูลสมาชิกในระบบฐานข้อมูลที่ประชาชน พรรคการเมือง และผู้อำนวยการการเลือกตั้งทั่วประเทศจะใช้เลขประจำตัว13หลักตรวจสอบความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ดังนั้นในส่วนของนายกรวีร์น่าจะเป็นกรณีพรรคบันทึกข้อมูลการเป็นสมาชิกเข้าระบบฐานข้อมูลสมาชิกหลังจากที่สำนักงานกกต. ตัดข้อมูลส่งไปสำนักงานทะเบียนกรมการปกครองเพื่อตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
ขณะเดียวกัน ในการมายื่นสมัครส.ส .บัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย ทางพรรคอาจไม่ได้ตรวจสอบว่าชื่อของนายกรวีร์ ปรากฏในระบบฐานข้อมูลสมาชิกของสำนักงาน กกต.แล้วหรือยัง รวมทั้งมั่นใจว่าไม่มีปัญหาคุณสมบัติทำให้ในวันสมัคร พรรคไม่ได้นำส่ง สำเนาใบสมัครการเป็นสมาชิกพรรค สำเนาหลักฐานการชำระเงินค่าบำรุงพรรค สำเนาหลักฐานการลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองเดิมในส่วนของนายกรวีร์ มายื่นต่อกกต.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.ได้มีหนังสือลงวันที่ 21 ม.ค . 62 แจ้งหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค ถึงหลักฐานอื่นเพื่อใช้ในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ว่ากรณีพรรคนำเข้าข้อมูลสมาชิกในระบบฐานข้อมูลพรรคเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้สมัครนำหลักฐานการเป็นสมาชิกจากระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคไปยื่นในวันสมัคร แต่หากพรรคไม่อาจนำข้อมูลสมาชิกพรรคเข้าในระบบฐานข้อมูลก่อนวันรับสมัครส.ส. ให้ผู้สมัครนำหลักฐานการเป็นสมาชิกพรรคทั้ง 3 รายการดังกล่าวไปยื่นประกอบการสมัคร. ซึ่งข้อเท็จจริงทั้งหมดทางสำนักงานกกต.ก็จะมีการรวบรวมเพื่อชี้แจงต่อศาลฎีกาต่อไป