'4 พรรคการเมือง' ชูนโยบายเอาใจคนสูงวัย มุ่งให้มีงานทำ ดูแลตนเองได้
"4 พรรคการเมือง" ชูนโยบายเอาใจคนสูงวัย มุ่งให้มีงานทำ ดูแลตนเองได้ มีเงินออม ปรับปรุงสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการใช้ชีวิต
เมื่อวันที่ 11 มี.ค.62 ที่สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวตอนหนึ่งในเวทีเสวนา “ถกนโยบายรัฐบาลใหม่กับการรับมือสังคมผู้สูงอายุ ภาระที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ” ว่า สิ่งที่พรรคจะทำ 7 เรื่องคือ 1.การขยายอายุเกษียณจาก 60 เป็น 63 ปี และสามารถทำงานได้ต่อไป ซึ่งต่อไปจะมีอุตสาหกรรมใหม่เป็นอุตสาหกรรมผู้สูงอายุ เราต้องการสร้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง 2. ทำให้ผู้สูงอายุเข้าถึงที่อำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ การปรับอาคารต่างๆ เพื่อรองรับผู้ มีบ้านคอนโด สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนตั้งเป้าจะทำ 1 ล้านหลัง 3. เทคโนโลยีช่วยการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น เครื่องช่วยฟัง และการดูแลปัญหาสายตา 4. ใส่ใจกับผู้ช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้ติดเตียง 5.ปรับทักษะให้ผู้สูงอายุสามารถทำงานและดำรงชีวิตส่วนตัวได้ 6.ให้ความสำคัญในการเป็นสังคมเอื้ออาทร และ 7. สังคมเพื่อการออม
“สำหรับมาตรการเก็บเงินภาษีส่วนหนึ่งเช่น 3 เปอร์เซ็น มาดูแลผู้สูงอายุนั้นผมไม่เห็นด้วย จะเป็นการทำร้ายผู้สูงอายุ เพราะอย่างที่เราบอกว่าต้องเปลี่ยนผู้สูงอายุเป็นพลัง ก็ต้องทำตรงนี้อย่างในต่างจังหวัดต้องทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ส่งเสริมการรวมกลุ่มกันของผู้สูงอายุ การที่เรามีสิ่งเอื้ออำนวยให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิต ทำงานได้ ผู้สูงอายุจะพึ่งพาตัวเองได้อย่างสง่าผ่าเผย” นายกอบศักดิ์ กล่าว และว่า ส่วนมาตรการทางภาษีเป็นแรงจูงใจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงและเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ 10 ปี ที่แล้ว แต่ตอนนี้คิดว่าควรมีตัวช่วย คือ 1.นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย 2.กระจายอำนาจสู่ชุมชน 3.ดึงวิสาหกิจชุมชนเข้ามาช่วย ทั้งนี้ผู้สูงอายุคือทรัพยากรที่มีค่าที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังนั้นต้องสร้างอาชีพ อาทิ การแจกคูปองมูลค่า 3,500 บาท จำนวน 1 ล้านใบ เพื่อให้ผู้สูงอายุนำไปพัฒนา และเพิ่มทักษะให้กับตัวเอง และขยายการจ้างงานทั้งในหน่วยงานรัฐและเอกชน โดยใช้มาตรการลดภาษีเพื่อลดแรงจูงใจของภาคเอกชน นอกจากนี้ต้อง ส่งเสริมการมีเงินออม อย่างเช่นการกันภาษี 3เปอร์เซ็นต์เข้ากองทุนผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการออมทางอ้อม แต่ยกเว้นผู้ที่มีรายได้สูงที่จะไม่ได้รับส่วนนี้ รวมถึงผู้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องมีการบริหารจัดการกองททุนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุทั้งประกันสังคม ข้าราชการ รวมถึงระบบหลักประกันสุขภาพให้โปร่งใส อย่างประกันสังคมนั้นตนอยากปฏิรูปให้เป็นองค์กรอิสระที่สามารถตรวจสอบได้
ด้าน น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาของไทยตอนนี้คือแก่ก่อนรวย ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือให้ผู้สูงอายุมีงานทำเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง และปรับเอาความเชี่ยวชาญของผู้สูงอายุมาเป็นพลังของประเทศ ส่วนเรื่องการเก็บภาษีแล้วนำส่วนหนึ่งมาดูแลผู้สูงอายุนั้นตนไม่เห็นด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะทำให้คนที่เสียภาษียิ่งมองว่าผู้สูงอายุเป็นภาระขึ้นไปอีก แต่อาจจะดูว่ามีออฟชั่นอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ เช่นการใช้ภาษีสรรพสามิตร เป็นต้น อย่างไรก็ตามเห็นด้วยในเรื่องการพัฒนาอารยสถาปัตย์ สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุและผู้พิการ ส่วนเรื่องสุขภาพนั้น มีระบบ 30 บาท รักษาทุกโรค ก็ต้องเป็น 30 บาท ยุคใหม่เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงานเพื่อลดการแออัดของโรงพยาบาล เช่น มีแอพพลิเคชั่นให้ผู้ป่วยได้ปรึกษากับแพทย์ก่อนเดินทางไปยังโรงพยาบาล เป็นต้น
นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การเป็นสังคมผู้สูงอายุไม่ใช่ว่าเราจะมีแค่การดูแลผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ต้องพูดถึงปัญหาเด็กเกิดน้อย จำนวนวัยทำงานน้อยที่ต้องรับผิดชอบทั้งผู้สูงอายุ และเด็กด้วย ดังนั้นมาตรการดูแลสังคมผู้สูงอายุที่พรรคอนาคตใหม่มองคือการเอาเทคโนโลยีมาใช้ เป็นสังคมดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัลแบบถ้วนหน้า ดึงเทคโนโลยีเอไอมาใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงด้านการแพทย์ด้วย เช่นการมีเทคโนโลยีปรึกษาแพทย์ก่อนมาถึงรพ.เพื่อลดปัญหารพ.แออัด ลูกหลานไม่ต้องลางาน เป็นต้น ประการสำคัญเรื่องของการใช้งบประมาณ ตอนนี้ในระดับชุมชนไม่ค่อยมีปัญหาแต่กองทุนประเทศใหญ่ๆ นั้นประชาชนยังไม่ทราบว่าเอาเงินไปใช้อะไรบ้าง ดังนั้งต้องมีการเปิดเผยการใช้งบประมาณของกองทุนแบบเรียลไทม์