ตลาดสาหร่ายแข่งเดือด ! ‘เถ้าแก่น้อย’ ดึงหนุ่มฮอต ‘F4’ ดันรายได้จีน

ตลาดสาหร่ายแข่งเดือด ! ‘เถ้าแก่น้อย’ ดึงหนุ่มฮอต ‘F4’ ดันรายได้จีน

ตลาดสาหร่ายในเมืองไทยมูลค่ากว่า 3,032 ล้านบาท เดินเครื่องร้อน เมื่อทุกค่ายต่างอัดกลยุทธ์มาฟาดฟัน โดยเฉพาะผู้ครองบัลลังก์อันดับ 1 อย่าง “เถ้าแก่น้อย” ด้วยส่วนแบ่งกว่า 69% กับมวยรอง “มาชิตะ” จากค่ายสิงห์ที่มีส่วนแบ่ง 16.7%

สีสันของกลยุทธ์สื่อสารการตลาดที่ทั้งสองค่ายเลือกมาดวลกัน ยังคงเป็น ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง ที่ผูกขาดมานานหลายปีจนกลายเป็นภาพจำ จัดเต็มทั้งศิลปินชาวไทยและเกาหลี

แต่มาคราวนี้ “เถ้าแก่น้อย” ขอเล่นต่าง! ด้วยการจีบ 4 หนุ่มฮอต “F4” จากซีรีส์จีนเรื่องดัง Meteor Garden 2018 มานั่งแท่นพรีเซนเตอร์ใหม่ของกลุ่มสินค้าสาหร่ายม้วนย่าง “บิ๊กโรล” (Bigroll) ตอกย้ำความเป็น “ตัวจริง” ของตลาดสาหร่ายในประเทศจีน หลังโหมบุกทำตลาดอย่างหนัก จนมียอดขายราคาหน้าร้าน (รีเทล) รวมกว่า 5,000 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มนำเข้าสาหร่ายในจีน ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 40% ของภาพรวมมูลค่าตลาดสาหร่ายในจีนทั้งหมดราว 15,000 ล้านบาท

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เล่าว่า เหตุผลที่เลือกใช้ 4 หนุ่ม F4 เป็น “พรีเซนเตอร์ชาวจีนกลุ่มแรก” นอกจากจะเกาะกระแสซีรีส์เรื่องดังกล่าวและเอาใจแฟนคลับในไทยแล้ว ยังต้องการ เน้นตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนกว่า 60% ของรายได้บริษัทฯทั้งหมดซึ่งปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,662 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ทั้งในและต่างประเทศในปีนี้ ทะยานสู่รายได้รวมทะลุ 10,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2567

โดย “ตลาดจีนถือเป็นประเทศที่ 2 ที่บริษัทฯรุกสร้างแบรนด์ต่อจากตลาดไทย น่าสนใจด้วยขนาดฐานลูกค้าจำนวนมาก ปัจจุบันตลาดจีนมีรายได้เข้าป้ายเป็นอันดับ 1 มากกว่า 2,000 ล้านบาท ครองสัดส่วนกว่า 40% ของรายได้บริษัทฯทั้งหมด หลังรุกทำตลาดจีนนานครบ 10 ปี ขายไปมากกว่า 1,000 ล้านซองเรียบร้อย!

“ตอนนี้เถ้าแก่น้อยได้รุกขยายช่องทางการขายให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายทั้งฝั่งออฟไลน์และออนไลน์ โดยบนช่องทางออนไลน์ เราได้เข้าไปเปิดแฟลกชิปสโตร์บนแพลตฟอร์ม Tmall ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของอาลีบาบากรุ๊ป เน้นสร้างการรับรู้และบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ทั้งยังสามารถดึงลูกค้าที่อาศัยในเมืองรองอื่นๆ ของจีนเข้าถึงสินค้าของเราได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาการตั้งโรงงานผลิตในจีนด้วย หากมียอดขายเกิน 3,000 ล้านบาท”

ด้านตลาดที่มีสัดส่วนรองลงมาคือไทย ใกล้เคียงกับจีนราว 40% ส่วนอีก 20% เป็นตลาดอื่นๆ หลังส่งออกไปกว่า 50 ประเทศแล้ว ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน และเวียดนาม ซึ่งติดท็อป 5 ของประเทศที่ส่งออกสินค้าไปขายมากที่สุด และล้วนเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเยือนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังส่งออกไปยังยุโรปและสหรัฐ เลือกใช้ชื่อแบรนด์สาหร่ายว่า “NORA” ซึ่งออกเสียงง่ายกว่าคำว่า เถ้าแก่น้อย และเหมาะกับการทำตลาด โดยหัวใจสำคัญคือการขยายวัฒนธรรมการกินสาหร่ายไปยังฝั่งตะวันตก!

อิทธิพัทธ์ เล่าเพิ่มเติมว่า สำหรับสินค้ากลุ่มบิ๊กโรล ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ถูกชูให้โดดเด่นทั้งที่มียอดขายดี หลังจากตลาดสาหร่ายประเภทย่างในไทยเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุดถึง 24.5% โดยมีกลุ่มบิ๊กโรลเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด ครองสัดส่วนมากสุดเกือบ 50% และเติบโตถึง 35% ขณะที่ยอดขายในจีนก็เติบโตมากกว่า 30% เช่นกัน และยังเป็น “สินค้าขายดีที่สุดในจีน” มีสัดส่วนมากถึง 60%

หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมากลุ่มบิ๊กโรลมียอดขายรวม 300 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทภายใน 3 ปี ผลักดันให้เป็นอีกหนึ่ง “ฮีโร่ โปรดักต์” ของบริษัทฯ โดยเตรียมใช้งบการตลาดราว 40 ล้านบาทสำหรับกลุ่มบิ๊กโรลในปีนี้ จากงบการตลาดตลอดปี 2562 ของบริษัทฯที่วางไว้ 100 ล้านบาท

ตอนนี้เถ้าแก่น้อยเป็นแบรนด์ระดับเอเชียแล้ว แน่นอนว่าเรามองถึงการเป็นแบรนด์ระดับโลก หรือ โกลบอล แบรนด์แต่จะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องผลักดันรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯให้มากกว่าระดับ 10,000 ล้านบาท และมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเกิน 50% ให้ได้เสียก่อน” ซีอีโอเถ้าแก่น้อยกล่าวปิดท้าย

ด้านความเคลื่อนไหวของผู้ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 อย่าง “มาชิตะ” ได้จุดกระแสดึงศิลปินเกาหลีมาเป็นพรีเซนเตอร์ ด้วยการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ในปีนี้อย่าง “พัคจีฮุน” สมาชิกวง “วอนนาวัน” (WANNA ONE) ที่กำลังมาแรง ช่วยชูโรงสร้างสีสันเรียกยอดขาย