อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง 'ชนม์สวัสดิ์' คดีจ้างเอกชนขนขยะเทศบาล
ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง "ชนม์สวัสดิ์" ชี้หลักฐานอัยการไม่แน่นไม่พบเจตนาแฝงจงใจทุจริต เจ้าตัวปัดตอบเรื่องคดี เปลี่ยนบทบาทไม่เอี่ยวเลือกตั้ง เดินหน้าทำสโมสรฟุตบอล
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชนม์สวัสดิ์ หรือเอ๋ อัศวเหม อายุ 50 ปี อดีตนายกเทศบาลนครสมุทรปราการ และนางบารนี เลิศไพศาล อายุ 66 ปี ข้าราชการบำนาญ
เป็นจำเลยที่ 1-2 เป็นจำเลยในความผิดฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล ระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 - 40,000 บาทและผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 -20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
สืบเนื่องจากการทำสัญญาโครงการจัดซื้อจัดจ้างเก็บขยะมูลฝอย เมื่อปี 2546 ในเขตพื้นที่ของเทศบาลนครสมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นนายชนม์สวัสดิ์ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง นายกเทศบาลนครสมุทรปราการ ส่วนนางบารนี เลิศไพศาล ดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.60 ชี้มูลความผิดทั้งสอง ว่าทำสัญญาจ้างกับบริษัทเอกชน เพื่อเก็บขน ขยะมูลฝอย ที่กำหนดระยะเวลาตามสัญญาจ้างเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยให้เข้าดำเนินการเป็นประจำทุกวันตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2546 และกำหนดวิธีการจ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,700,000 บาท ซึ่งการกำหนดเช่นนั้น ถือว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเกินกว่า 1 ปีงบประมาณโดยมิชอบตามระเบียบระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 ข้อ 38 เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ
ขณะที่นายชนม์สวัสดิ์ และนางบารนี ชี้แจงว่าเทศบาลนครสมุทรปราการ สามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า 1 ปีงบประมาณได้ในทุกหมวดรายจ่ายและทุกโครงการ ตามนัยข้อ 38 วรรคแรก ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณฯ และเทศบาลนครสมุทรปราการได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายครบถ้วนทุกประการแล้ว โดยชั้นพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้ประกันตัวระหว่างการพิจารณา ขณะที่เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์พยานหลักฐานจากการไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กับเทศบาลนครสมุทรปราการ ตีความการบังคับใช้ระเบียบแตกต่างกัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวยังไม่มีการวินิจฉัยชี้ขาดจากผู้มีอำนาจตีความตามกฎหมาย ดังนั้นยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ต่อมา อัยการโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง
ซึ่งวันนี้ "นายชนม์สวัสดิ์" ได้เดินทางมาถึงศาลตั้งแต่ 09.00 น. ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมฟังคำพิพากษา โดยเมื่อเวลา 10.00 น. ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ฯแล้ว สรุปว่า ศาลอุทธรณ์ฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคดีและพยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่า การที่จำเลยทั้ง 2 ทำความเห็นเกี่ยวกับข้อพิพาทในคดีนั้น ยังมองไม่เห็นเจตนาแฝงและยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาจงใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยมานั้น ศาลอุธรณ์ฯ เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพอพากษาแล้ว นายชนม์สวัสดิ์ ได้แต่เพียงยิ้มตอบนักข่าวเมื่อจะขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดี ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการหาเสียงในพื้นที่สมุทรปราการเป็นอย่างไรบ้าง "นายชมน์สวัสดิ์" กล่าวว่า ตอนนี้ตนดูแต่เพียงสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ ซิตี้ เพียงอย่างเดียวพร้อมกับฝากสื่อมวลชนช่วยเชียร์และเป็นกำลังใจให้ด้วย ก่อนเดินทางกลับในทันที