"กกท." ผุด 12 โปรเจกต์ยักษ์ ยกระดับวงการกีฬาไทยสู่ระดับโลก
"กกท." ผุด 12 โปรเจกต์ยักษ์ ยกระดับวงการกีฬาไทยสู่ระดับโลก ด้าน "BNK48" ควงสตาร์ดังขานรับช่วยดึงดูดเยาวชนและวัยรุ่นยุคใหม่หันมาสนใจการออกกำลังกายมากขึ้น
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย แถลง 12 โครงการ ยกระดับวงการกีฬาไทยสู่ระดับโลก โดยมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการกีฬาให้ทันสมัยเทียบเท่าระดับนานาชาติในทุกมิติ พร้อมเตรียมจัดตั้งศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดเพื่อเป็นศูนย์กลางให้นักกีฬา โค้ช และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง
วันที่ 9 เม.ย.62 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนที่เข้ามารับตำแหน่ง ประจำปีงบประมาณ 2562 พร้อมเผย 12 โครงการสำคัญนำ “กีฬา” พัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ สังคม ณ ห้องประชุม ชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) โดยภายในงานยังได้มีนักกีฬาทีมชาติไทยและโค้ชชื่อดังเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ "ไก่" ปวีณา ทองสุก, "วิว" เยาวภา บุรพลชัย, ปลื้มจิต ถินขาว, รัฐภาคย์ วิไลโรจน์, สุมัญญา ปุริสาย, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ฯลฯ รวมถึง 3 สาวจากเกิร์ลกรุ๊ป "BNK48" ประกอบด้วย "น้ำหนึ่ง" มิลิน ดอกเทียน, "เนย" กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล และ "แนทเธอรีน" ดุสิตา กิติสาระกุลชัย
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่า "ที่ผ่านมา 6 เดือนหลังจากเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ผมได้เริ่มขับเคลื่อน 12 แผนงานเพื่อยกระดับวงการกีฬาไทยให้เทียบเคียงกับระดับนานาชาติทั้งหมดแล้ว โดยแผนงานที่เราเน้นเป็นพิเศษก็คือการนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพกับนักกีฬาและสมาคมกีฬาให้มากที่สุดในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ ในโครงการสมาร์ท เนชั่นแนล สปอร์ต ปาร์ค ให้เป็นศูนย์กลางการบริการทางการกีฬาระดับประเทศที่มีมาตรฐานและทันสมัยด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร สามารถรองรับการฝึกซ้อมได้มากถึง 20 ชนิดกีฬา ที่สำคัญยังเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อถึงทันที นอกจากนี้ภายบริเวณศูนย์ยังมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันเป็นครอบครัวทั้งการออกกำลังกายและนันทนาการต่างๆ พร้อมสร้างห้างสรรพสินค้ากีฬา หรือสปอร์ตมอลล์ครบวงจร โดยมีทั้งร้านค้าอุปกรณ์กีฬาจากแบรนด์ชั้นนำ โรงเรียนฝึกสอนกีฬา ศูนย์อีสปอร์ต ดนตรี ศิลปะ ตลอดจนร้านอาหาร เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้ามาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ โดยสิ่งเหล่านี้จะเริ่มที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก ก่อนพัฒนาสู่จังหวัดอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รองรับการเป็นศูนย์กลางด้านกีฬาของอาเซียนในอนาคต"
"นอกจากนี้เรายังตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องการพัฒนาอุปกรณ์วิทยาศาสตร์การกีฬาทุกด้านใหม่ทั้งหมดให้มีความทันสมัยทัดเทียมระดับสากล อาทิ เรื่องการฝึกซ้อม จิตวิทยา โภชนาการ สรีรวิทยา ฯลฯ โดยทั้งหมดนี้ได้ผ่านการศึกษาอย่างละเอียด รวมถึงได้เดินทางไปศึกษางานที่ต่างประเทศทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี รวมถึง เยอรมนี ที่มีวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ทันสมัยลำดับต้นๆ ของโลก และกาตาร์ ที่มีโรงพยาบาลกีฬาที่ทันสมัยที่สุดในโลก พร้อมกันนี้เรายังจะมีการปรับปรุงสนามกีฬา 4 สนามหลักที่อยู่ในความดูแลของ กกท.ครั้งใหญ่ เป็นครั้งแรก คือ สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก), สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่, สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา และสนามกีฬาพรุค้างคาว จ.สงขลา โดยบางสนามสร้างมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้บอร์ดการกีฬาแห่งประเทศไทยได้เห็นชอบในโครงการต่างๆ แล้ว โดยขั้นต่อไปคือนำเสนอต่อรัฐบาลให้รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และหากขับเคลื่อนการพัฒนากีฬาตามนโยบายทั้ง 12 แผนงานดังกล่าวเรียบร้อยจะสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปีแน่นอน" ดร.ก้องศักด กล่าว
ด้าน "หน่อง" ปลื้มจิต ถินขาว กัปตันทีมทัพวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย มั่นใจว่าการพัฒนาประสิทธิภาพด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาจะช่วยยกระดับศักยภาพนักกีฬาไทยให้สูงขึ้น "หน่องเป็นคนที่ฝึกซ้อมภายในศูนย์ฝึกของการกีฬาแห่งประเทศไทยมาตลอดชีวิตการเป็นนักกีฬา โดยที่ผ่านมาพบว่ายังมีบางอย่างที่เรายังสู้ต่างประเทศไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปกรณ์ฝึกซ้อม รวมถึงเรื่องการแพทย์ การรักษาอาการบาดเจ็บ โภชนาการ และจิตวิทยา ซึ่งทั้งหมดนี้นับเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของนักกีฬาทั้งสิ้น ดังนั้นการที่การกีฬาแห่งประเทศไทย เตรียมยกระดับพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในทุกมิติครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเราจะสามารถพัฒนานักกีฬาได้อย่างถูกวิธีด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยตั้งแต่ระดับเยาวชน ทำให้นักกีฬามีพื้นฐานด้านร่างกายและจิตใจที่พร้อมตั้งแต่เด็ก สามารถที่จะฝึกซ้อมได้อย่างสมบูรณ์แบบและเติบโตขึ้นมาเป็นนักกีฬาที่ดีและมีศักยภาพทัดเทียมระดับนานาชาติได้ในอนาคต"
ขณะที่ "ฟิล์ม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดขวัญใจชาวไทยในสนามระดับโลกรายการ "โมโตทู" คนแรกของประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์การกีฬาว่า "จากประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับทีมงานระดับโลกในการแข่งขันโมโตทู เห็นได้ชัดเลยว่าต่างชาติให้ความสำคัญกับเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างมาก เพื่อสร้างศักยภาพร่างกายของนักกีฬาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยดูแลทั้งด้านโภชนาการ อาหารการกินที่มีเมนูเฉพาะแต่ละคน การดูแลกล้ามเนื้อก่อนแข่งและหลังแข่ง ตลอดจนการรักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่งการมีเทคโนโลยีที่ใหม่และทันสมัยก็จะยิ่งช่วยให้นักกีฬามีประสิทธิภาพที่ดีและหายจากอาการบาดเจ็บรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้นการที่ท่านผู้ว่าฯ กกท. เห็นความสำคัญและเตรียมพัฒนาเรื่องนี้ให้ดียิ่งขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ดีและต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมาก เพราะเป็นประโยชน์ต่อนักกีฬาทุกคนทั้งระดับอาชีพและสมัครเล่นจริงๆ"
ทางฝั่งของ "น้ำหนึ่ง" มิลิน ดอกเทียน สาวน้อยสมาชิกไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 เชื่อเช่นกันว่าโครงการ สมาร์ท เนชั่นแนล สปอร์ตส ปาร์ค (Smart National Sports Park) จะช่วยให้วัยรุ่นหันมาใช้ชีวิตอยู่กับกีฬาและการออกกำลังกายมากขึ้น "ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่มีอุปกรณ์กีฬาและเทคโนโลยีที่ใหม่และทันสมัย จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนและวัยรุ่นยุคใหม่หันมาสนใจในการออกกำลังกายและการเล่นกีฬามากขึ้นแน่นอน เช่นเดียวกับการมีสปอร์ตมอลล์ที่ทันสมัยครบวงจรและเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า จะเป็นสถานที่ดึงดูดให้วัยรุ่นเดินทางมาทำกิจกรรมต่างๆ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ เดินเล่น และพักผ่อนกันในครอบครัว ในบรรยากาศกลิ่นอายของกีฬาและแฟชั่นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว"
สำหรับ 12 โครงการ นำ “กีฬา” พัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ สังคม ประกอบด้วย 1. โครงการยกระดับการให้บริการของ กกท. (Smart National Sports Park) จัดตั้งศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ หรือ National Training Center (NTC) ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุด เพื่อรองรับการฝึกนักกีฬาในระดับนานาชาติ โดยเริ่มที่ กกท. หัวหมาก ก่อนขยายไปสู่ส่วนภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งภายในจะมีการจัดตั้ง Sport Complex ศูนย์รวมด้านสุขภาพ ดนตรี ศิลปะ และพิพิธภัณฑ์ด้านกีฬา ตลอดจน Healthy Community ลานกิจกรรมสีเขียวสำหรับออกกำลังกายของคนทุกเพศทุกวัย 2. โครงการยกระดับการบริการวิทยาศาสตร์การกีฬาและเทคโนโลยีทางการกีฬาของ กกท. (SMART SPORTS SCIENCE CENTER) จัดตั้งศูนย์ให้บริการเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ครอบคลุมในทุกด้าน รวมถึงจัดตั้งโรงพยาบาลกีฬา ที่รวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง 3. โครงการยกระดับหน่วยงานด้านกฎหมายของ กกท. (Sports Law) จัดตั้งฝ่ายกฎหมาย เพื่อปรับปรุงวินัย และโทษทางวินัย ตลอดจนพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความรู้ ความเข้าใจด้านกฎหมาย 4. โครงการยกระดับการบริหารจัดการองค์กรทั้งระบบ (Smart Organization) โดยนำเกณฑ์มาตรฐานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ หรือ Thailand Quality Award (TQA) มาสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้และการดำเนินงานบนหลักธรรมาภิบาล 5. โครงการพัฒนารวมฐานข้อมูลด้านกีฬา (Sports Big Data) พัฒนาระบบฐานข้อมูลนักกีฬา บุคลากร และด้านวิทยาศาสตร์กีฬา 6.โครงการส่งเสริม สนับสนุน การจัดการแข่งขันกีฬาและกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sports Tourism) สนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการจัดการแข่งขันกีฬาระดับสากลในอนาคต 7.โครงการการจัดตั้งเมืองกีฬา (Sports City) จัดตั้งและพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองกีฬาที่ครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ กระจายความเจริญ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ระดับภูมภาค 8.โครงการยกระดับการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ (Sports Entertainment) ยกระดับการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ให้มีมาตรฐานเทียบเคียงนานาชาติ สร้างบรรยากาศการเชียร์กีฬา ด้วยแสง สี เสียง อันยิ่งใหญ่ ตลอดจนจัดงานมหกรรม SPORTS EXPO 9.โครงการพัฒนานักกีฬาคนพิการอย่างครบวงจร (Sports for Disabilities) พัฒนาระบบบริการจัดการศูนย์ฝึกและสนามกีฬารองรับนักกีฬาคนพิการ พร้อมสร้างโอกาสให้ได้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างสม่ำเสมอ 10.โครงการสลากกีฬา (Sports Lotto) จัดหาทุนส่งเสริมด้านกีฬา นอกเหนือจากทุนสนับสนุนจากภาครัฐ 11.โครงการสนับสนุน ส่งเสริมกีฬาเอกลักษณ์ของชาติและกีฬาพื้นบ้านไทย (Thai Traditional Sports) สนับสนุนกิจกรรมการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านไทย เกิดการสร้างงานและอาชีพ สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศชาติ 12.โครงการส่งเสริมกิจกรรมกีฬา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (Sports in 5 Southern Provinces) สร้างความสัมพันธ์ของเยาวชนและประชาชน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และพัฒนาต่อยอดไปสู่ความเป็นเลิศ ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเนื้อหาของโครงการทั้งหมดได้ที่ www.sat.or.th