JKN - ซื้อ

JKN - ซื้อ

ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ลดลง 12% สู่ 300 ลบ. แต่ยังเติบโตสูงราว 32%YoY

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไรสุทธิปี 61 เติบโต 21%YoY ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น: รายงานกำไรสุทธิปี 61 ที่ 188 ลบ. เติบโต 21%YoY สอดคล้องกับรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 23%YoY สู่ 1,423 ลบ. โดยหลักมาจากรายได้จากการขายสิทธิคอนเทนต์ที่มีสัดส่วนเป็น 93% ของรายได้รวม โดยอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวลดลงจาก 42% ในปี 60 เหลือ 38% เนื่องจากมีต้นทุนค่าตัดจำหน่ายสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อคอนเทนต์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ส่งผลให้บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิได้ที่ 16%
  • ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ลดลง 12% สู่ 300 ลบ. แต่ยังเติบโตสูงราว 32%YoY: เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ลดลง 12% สู่ 300 ลบ.จากการปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 43% สู่ 40% โดยยังคงสมมติฐานการเติบโตของรายได้ราว 18%YoY สู่ 1,683 ลบ. แบ่งเป็น ยอดขายในประเทศจากจำนวนช่องทีวีดิจิตอลที่เข้ามาติดต่อซื้อคอนเทนต์เพิ่มขึ้น และยอดขายต่างประเทศจากการไป Roadshow งานเทศกาลภาพยนตร์ทั้งสิ้น 7 ประเทศ ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ทั้งสิ้น 666 ลบ. แบ่งเป็นในประเทศ 379 ลบ.และต่างประเทศ 287 ลบ. ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิใหม่ที่ 300 ลบ. ยังคงเติบโตสูงราว 32%YoY
  • แผนการลงทุนต่อเนื่องสนับสนุนรายได้เติบโตในอนาคต : บริษัทเตรียมงบลงทุนสำหรับปีนี้ที่ราว 900 ลบ. แบ่งเป็นลงทุนในสิทธิคอนเทนต์ 800 ลบ. ลงทุนในช่อง CNBC News ราว 50 ลบ. และลงทุนใน Broadcast system ราว 50 ลบ. สำหรับรายการ CNBC News คาดจะออกอากาศผ่านช่องทีวีดิจิตอลจำนวน 3 ช่อง ภายในเดือนมิ.ย. 62 อีกทั้งบริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้เพื่อใช้ในโปรเจ็กต์ซีรีย์ “สยามรามเกียรติ์” ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรจากอินเดีย ปัจจุบันบริษัทมีวงเงินหุ้นกู้ที่ผ่านอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว 1,500 ลบ. ออกหุ้นกู้แล้ว 900 ลบ. และยังมีวงเงินเหลืออีกราว 600 ลบ. ที่จะสนับสนุนแผนลงทุนและช่วยต่อยอดการเติบโตของรายได้ในอนาคต
  • การรับชำระหนี้ทางการค้าที่ล่าช้ายังเป็นประเด็นที่น่ากังวล : ยังคงต้องจับตาในประเด็นเรื่องลูกหนี้การค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกไตรมาส โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1,118 ลบ. เพิ่มขึ้น 51%YoY ส่งผลให้วงจรเงินสดของบริษัทเพิ่มเป็น 277 วัน จากปี 60 ที่ราว 202 วัน โดยเรามองว่าการชำระหนี้การค้าที่ล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของบริษัท ซึ่งอาจทำให้มีความจำเป็นต้องกู้ยืมระยะสั้น เพื่อใช้ในการซื้อคอนเทนต์ตามแผนของบริษัท ส่งผลให้เกิดภาระดอกเบี้ยตามมา และจะกระทบผลการดำเนินงานของบริษัทหากการเติบโตของรายได้ไม่เป็นไปตามคาด อย่างไรก็ตามผู้บริหารคาดว่าจะได้รับชำระหนี้การค้าราว 300 ลบ. ภายในช่วง 1Q62
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับลดราคาเหมาะสมลงสู่ 10.00 บาท: เรายังมีมุมมองบวกต่อการเติบโตของบริษัทจากยอดขายสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งมีปัจจัยสนับสนุนจากรายการ CNBC News ที่จะเริ่มออกอากาศได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีปัจจัยกดดันเรื่องจำนวนลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้วงจรเงินสดของบริษัทมีระยะเวลานานขึ้น ทำให้เราปรับลด Prospective PER ของบริษัทลดลงเหลือ 18 เท่า จากเดิมที่ 25 เท่า ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 10 บาทลดลงจากเดิมที่ 15.80 บาท แต่ยังมีอัพไซต์จากราคาปิดล่าสุดราว 24% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยสนับสนุน

      1. สามารถขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศได้มากกว่าคาด

      2. สามารถรักษาและเพิ่มจำนวนยอดขายคอนเทนต์ในประเทศได้

      3. สามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้เร็วขึ้น

 

ความเสี่ยง

      1. กระแสความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง

      2. การถูกละเมิดลิขสิทธิ์

      3. เก็บเงินจากลูกหนี้การค้าได้ช้ากว่าคาด