โทษหนักประหารชีวิต! เสี่ยส่อเมาซิ่งเบนซ์ชนดับ2ศพ ชี้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

โทษหนักประหารชีวิต! เสี่ยส่อเมาซิ่งเบนซ์ชนดับ2ศพ ชี้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

"บิ๊กตร." ลั่นฟันโทษหนักประหารชีวิต! เสี่ยดื่มเบียร์ซิ่งเบนซ์ชน "รองผกก.ป." เสียชีวิตพร้อมเมีย2ศพ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 เมษายน ที่สน.ศาลาแดง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาในคดีเมาแล้วขับเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

รองผบ.ตร.เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายสมชาย ยอมรับในเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุไปเล่นกอล์ฟ ที่สนามไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ มีการดื่มเบียร์กับเพื่อนร่วมก๊วนไปประมาณ 4-5 ขวด กระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น.ก็หยุดดื่ม แยกย้ายกันกลับแล้วขับรถออกมา จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว กระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนถุงลมนิรภัยทำงาน ซึ่งก็ได้เกิดอุบัติเหตุไปแล้ว

20190412124412793

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า คดีนี้นอกจากจะแจ้งข้อหาแก่นายสมชาย ในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ทางพนักงานสอบสวนยังจะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 15 ปีถึง 20 ปีหรือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต แก่นายสมชายด้วย เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วควรแจ้งข้อหาหนักเอาไว้ก่อน จากนั้นขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะรวบรวมให้ได้มากที่สุด จากนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะลงโทษ นายสมชายในสถานใด ซึ่งจะควบคุมตัว นายสมชาย ส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันดำเนินการตามกฎหมายภายในวันนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางพนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง ได้แนบเอกสารพฤติการณ์ของ นายสมชาย ไปยื่นต่อศาลเพื่อแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา” ตามที่ระบุดังนี้ การที่ผู้ต้องหาสมัครใจดื่มสุราโดยรู้ว่าเป็นของมึนเมาแล้วจะทำให้ตนเองนั้นมึนเมา และดื่มเป็นจำนวนมากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่ย่อมรู้ได้อย่างแน่นอนว่า จะเกิดผลขึ้นคือ ความมึนเมาจนถึงขั้นหมดสติหรือจำเหตุการณ์ไม่ได้ หรือสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกาย หรือควบคุมกล้ามเนื้อไม่ได้ ทั้งที่ตนเองจะต้องขับรถเดินทางกลับบ้าน การที่ผู้ต้องหารู้ว่าตนเองมึนเมาสุราอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมร่างกาย และกล้ามเนื้อได้ยังฝืนขับรถออกมาในถนนสาธารณะที่มีประชาชนใช้ร่วมกันอยู่เป็นจำนวนมาก ในเวลากลางคืน ผู้ต้องหาย่อมรู้แล้วว่า จะต้องเกิดอุบัติเหตุ รถเฉี่ยวชนกับรถของคนอื่นอย่างแน่นอน

ในสภาวะที่ผู้ต้องหาไม่สามารถควบคุมร่างกายหรือกล้ามเนื้อได้เหมือนคนปกติ และไม่สามารถตัดสินใจได้เหมือนคนปกติ ไม่สามารถมองเห็นและตอบสนองได้เหมือนคนปกติ ประกอบทั้งมีอาการง่วงซึม และปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายช้าลง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ช้าลง และสมองสั่งการมายังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ช้าลง แต่ผู้ต้องหาก็ยังฝ่าฝืนขับรถออกมาในถนนสาธารณะ โดยขับมาได้เพียง 400 เมตร ก็เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนโดยขับรถเข้าไปในช่องทางของรถที่สวนทางมา จนทำให้รถที่สวนทางมาไม่อาจหลบหลีกไปทางอื่นได้เพราะมีเพียงแค่สองช่องทางการจราจรเท่านั้น เป็นเหตุให้ผู้ที่ขับรถสวนทางมาถึงแก่ความตายทั้งสองคน

พฤติการณ์ที่เกิดเหตุดังกล่าว และมีผู้ถึงแก่ความตาย เป็นพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาได้ยอมรับผลที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่เริ่มขับรถออกมาบนถนนสาธารณะนอกจากนี้ ผู้ต้องหายังขับรถด้วยความเร็วสูง โดยพิจารณาได้จากร่องรอยการเฉี่ยวชนซึ่งรถทั้งสองคันได้รับความเสียหายอย่างมากประกอบกับในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยที่ผู้ต้องหาได้ทำการเบรครถที่ตนเองขับมาด้วยความเร็วสูง ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่บนกลางสะพานสูง เมื่อพิจารณาถึงพฤติเหตุ พฤติการณ์ และลักษณะแห่งการกระทำรวมถึงผลของการกระทำที่เกิดขึ้นผู้ต้องหาย่อมไม่อาจเอาความมึนเมานั้นขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ว่า ไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 66 จึงถือว่าผู้ต้องหามีเจตนาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 15 ปีถึง 20 ปีหรือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต

พล.ต.อ.วีระชัย​ เปิดเผยว่า​ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ มีคำสั่งให้ตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ​ เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย​ และใช้ดุลยพินิจในการแจ้งข้อหา​ ซึ่งหากพบว่าผู้ต้องหาขับขี่รถขณะมึนเมาสุราและเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตก็ให้แจ้งข้อหา​ “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” แต่หากพบว่าคู่กรณีไม่เสียชีวิต​ แต่ได้รับบาดเจ็บ​ ก็สามารถตั้งข้อหา​ “พยายามฆ่า” ได้เช่นกัน

20190412124412371

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 12 เม.ย. ร.ต.อ.พิทักษ์ พูลพุทธา รอง สว.(สอบสวน) สน.ศาลาแดง รับแจ้งเหตถ รถเก๋งส่วนบุคคลชนกันมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถ ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมอุปกรณ์เครื่องตัดถางของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แพทย์เวรรพ.ศิริราช ที่เกิดเหตุบริเวณกลางสะพาน ข้ามคลองไม่มีชื่อ พบรถเก๋งยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟท์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2กก 3653 กรุงเทพมหานคร ล้อหลังเกยขึ้นอยู่บนราวกันสะพาน

ด้านหน้ารถและด้านข้างรถฝั่งขวาพังยับเยินกลายเป็นซากรถ จากการตรวจสอบบนเบาะที่นั่งคนขับพบศพ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก(สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองปราบปราม เสียชีวิตคาเบาะที่นั่งคนขับถูกคอนโซลรถกดทับร่าง อาสาสมัครช่วยกันใช้อุปกรณ์เครื่องตัดถางช่วยกันนำร่างออกมาชันสูตร ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อเชิ้ตสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาว มีบาดแผลฉกรรจ์ ที่บริเวณใบหน้า

นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต อีก 2 ราย เป็นผู้โดยสารมากับรถคันดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือ ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส อาสาสมัครเร่งนำส่งรพ.วิชัยเวชเป็นการด่วน อีกรายทราบชื่อต่อมาคือ นางนุชนาถ งามสุวิชชากุล 44 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้สติ อาสาสมัครเร่งนำส่งรพ.ราชพิพัฒน์ เพื่อยื้อชีวิตแพทย์ได้ช่วยกันยื้อชีวิตกระทั้งเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่รพ.

ถัดไปบริเวณเชิงสะพาน พบรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ รุ่น อี 250 สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ษฮ 789 กรุงเทพมหานคร สภาพหน้าหน้าขวาพังยับเยินล้อรถหักผิดรูป ทราบชื่อคนขับต่อมาคือ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ 57 ปี ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ไทยคาร์บอนแอนด์กราไฟต์ จำกัด ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ อยู่ในสภาพคล้ายคนเมาพูดจาไม่รู้เรื่องเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่สน.ศาลาแดง

2_11

จากการตรวจเครื่องวัดปริมาณแฮลกอฮอพบว่ามีปริมาณแฮลกอฮอร์ 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ร.ต.อ.พิทักษ์ เผยว่าขณะที่อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ขับขี่รถเบนซ์คันดังกล่าว ซึ่งยังอยู่ในสภาพมึนเมายังให้การไม่รู้เรื่องและไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต้องรอให้อาการสร่างเมากว่านี้จึงจะทำการสอบปากคำถึงเหตุการณ์

ทั้งนี้ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บอีกรายที่ยังรักษาตัวให้อาการปลอดภัยพร้อมที่จะให้การได้พร้อมทั้งตรวจหากล้องวงจรปิดเพื่อหาเหตุการณ์ก่อนแจ้งข้อหากับนายสมชาย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเมาแล้วขับ กับนายสมชาย ก่อนนำตัวเข้าห้องขังเพื่อให้สร่างเมา อย่างไรก็ตามจะได้ส่งศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2ให้แพทย์นิติเวชรพ.ศิริราชชันสูตร เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

รายงานข่าวระบุว่า นายสมชายเป็นเจ้าของโรงงานผลิตและจำหน่ายทั้งในและน้องประเทศ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ประเภทกราไฟต์ และคาร์บอนที่ใหญ่และล้ำสมัยที่สุดในในระดับเอเชียรวมถึงผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ภายหลังเกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบว่า นายสมชายอยู่ในสภาพเมาพูดจาไม่รู้เรื่องรวมถึงโวยวายและพูดจาต่อว่ากับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร แต่เมื่ออาสาสมัครนำส่งเพื่อตรวจร่างกายยังรพ.ธนบุรี 2 นานสมชายกับโวยวายเจ้ากน้าที่จึงต้องควบคุมตัวหปสงบสติอารมณ์ที่สน.ศาลาแดง อย่างไรก็ดีสภาพของนาย สมชายยังมึนเมาพูดจาไม่รู้เรื่องรวมถึงยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น