ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562
ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 เมษายน 2562 ที่ห้องประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 เป็นประธานแถลงข่าวเปิดศูนย์สื่อมวลชนงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมี พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและโฆษกตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายพิชญะ นคาวัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร และนางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ ร่วมในการแถลงข่าว
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในส่วนพระราชพิธีเบื้องกลาง ซึ่งมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่เป็นหัวใจสำคัญ คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเผยแพร่ไปทั่วโลกเพื่อให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศเห็นพระราชพิธีนี้ชัดเจน นำมาสู่การจัดตั้งศูนย์สื่อมวลชนงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และการเปิดศูนย์สื่อมวลชนในครั้งนี้เพื่อบริการข้อมูลข่าวสารและอำนวยความสะดวกแก่สื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศในการนำเสนอข่าวการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทุกวันจนเสร็จสิ้นพระราชพิธี ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้พระบรมมหาราชวัง โดยศูนย์แห่งนี้จะเชื่อมต่อสัญญาณการถ่ายทอดพระราชพิธีกับศูนย์ถ่ายทอดสดพระราชพิธีทางวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารสำนักพัฒนาการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ โดยจะมีการซักซ้อมการถ่ายทอดสดเสมือนจริงวันที่ 28 เมษายนนี้ เวลา 13.00 น. ซึ่งมีการซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพยุหยาตราสถลมารค ทั้งนี้ได้กำชับการถ่ายทอดสดพระราชพิธีมีความถูกต้อง ข้อมูลมีรายละเอียดชัดเจน และให้มีความสง่างามในทุกมิติ
“สำหรับศูนย์สื่อมวลชนเปิดให้บริการทุกวันเวลา 08.30 น.-21.30 น. จนเสร็จสิ้นพระราชพิธี สำหรับในวันที่ 5 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราสถลมารค ศูนย์แห่งนี้จะขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 23.00 น. สำหรับสื่อมวลชนที่จะเข้าใช้บริการจะต้องใช้บัตรสื่อมวลชนลงทะเบียนเข้ามาปฏิบัติงานในศูนย์ทุกครั้ง สำหรับศูนย์ฯแบ่งเป็น 2 โซนหลัก สามารถรองรับสื่อมวลชนได้ราว 450 คน ด้านบนเป็นพื้นที่ในการใช้งสนของสื่อมวลชนต่างประเทศ ส่วนด้านขวามือเป็นพื้นที่การใช้งานของสื่อมวลชนในประเทศ โดยมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้บริการ มีจุดดาวน์โหลดภาพประมาณ 20 จุด และมีการจัดคอมพิวเตอร์รองรับ ทั้งยังมีแผ่นพับ แผนที่ และหมายกำหนดการแจกให้แก่สื่อมวลชนเพื่อให้ข้อมูลถูกต้องและชัดเจนที่สุด สื่อมวลชนสามารถเข้ามาดูในช่วงถ่ายทอดสดพระราชพิธีเพราะจะมีการเชื่อมโยงสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์จากกรมประชาสัมพันธ์มาที่นี่” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 แจกแจงรายละเอียด
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย กล่าวถึงการเตรียมการรองรับประชาชนที่จะเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงงานพระราชพิธีว่า ประชาชนสามารถเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้หลายช่องทาง ได้แก่ ทางรถ ขับมาจอดยังจุดจอดรถโดยรอบพื้นที่ จำนวน 26 จุด รองรับไม่น้อยกว่า 38,000 คัน หรือนั่งรถไฟ มาลงสถานีรถไฟหัวลำโพง และเรือมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา คลองแสนแสบมาขึ้นยังท่าเรือโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ก่อนนั่งรถชัตเติลบัสหรือเดินเท้าเข้ามายังบริเวณจุดรอบนอกงานพระราชพิธี ผ่านจุดคัดกรอง 21 จุด ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาทีต่อคน เพื่อผ่านเข้าไปยังพื้นที่ภายในพระราชพิธี
พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย
“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนที่จะมานังเฝ้าฯรับเสด็จจึงมีรับสั่งให้จัดเสื่อ เบาะรองนั่ง และหญ้าเทียมแก่ประชาชน และพระราชทานโรงครัวแบ่ง 18 จุด เพื่อดูแลเรื่องอาหารและน้ำดื่มแก่ประชาชนที่มาร่วมงาน ทั้งนี้ในงานพระราชพิธีเบื้องกลางวันที่ 2-6 พฤษภาคม จะมีการปิดการจราจรตามลำดับ พร้อมเปิดจุดคัดกรองประชาชน ซึ่งประชาชนสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.trafficpolice.go.thหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนจราจร 1599 และ 1197" พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
นายพิชญา นาควัชระ
นายพิชญา นาควัชระ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเตรียมความพร้อมในการให้บริการประชาชนในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกโดยจัดให้มีการบริการด้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่พัก ห้องน้ำห้องสุขา แก่ประชาชนที่เข้าร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้านการให้บริการอาหาร กรุงเทพมหานครร่วมกับสมาคม องค์กรภาคีเครือข่ายในการร่วมจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อปรุงประกอบอาหาร และบริการอาหารสำหรับประชาชนที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จฯกระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ ประมาณ 160,000 คน ตามที่กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกำหนดไว้ จำนวน 6 จุด ซึ่งเป็นจุดส่งคนลง ได้แก่ วัดเทพศิรินทราวาส บ้านมนังคศิลา สนามม้านางเลิ้ง บริเวณเชิงสะพานพุทธ บ้านพิษณุโลก และใต้สะพานพระรามแปด ฝั่งเขตบางพลัด และได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งมีกระทรวงต่างๆ อีก 19 กระทรวง ร่วมให้การสนับสนุนอาหารว่างสำหรับประชาชน กระทรวงละ 3,000 กล่อง รวม 57,000 กล่อง
ด้านการให้บริการน้ำดื่มได้จัดเตรียมแทงค์น้ำบริการน้ำดื่ม จำนวน 80 แทงค์ รวมถึงมีน้ำขวดกว่า 350,000 ขวด ทั้งในจุดบริการอาหารที่กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ 6 จุด และกระจายตามโซนต่าง ๆ นอกจากนี้ การประปานครหลวงได้ให้การสนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดสำหรับเจ้าหน้าที่และประชาชน และสนับสนุนกระบอกน้ำหรือแก้วน้ำสำหรับเติมน้ำได้ จำนวน 300,000 ใบ รวมทั้งจัดรถบริการน้ำดื่มแบบเติม จำนวน 8 คัน ตลอดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ด้านการให้บริการห้องน้ำห้องสุขา รถสุขาเคลื่อนที่ กรุงเทพมหานคร ได้จัดรถสุขาเคลื่อนที่ จำนวน 48 คัน กระจายตามจุดบริการอาหารที่กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ 6 จุด ๆ ละ 2 คัน และกระจายตามโซนต่าง ๆ อีกทั้งยังเตรียมรถสุขาเคลื่อนที่สนับสนุนเพิ่มเติม กรณีไม่เพียงพออีก จำนวน 29 คัน นอกจากนี้ สำนักงานเขตพระนครได้สำรวจบ้านเรือนของประชาชนที่ยินดีให้การสนับสนุนห้องสุขาสำรองกรณีสุขาเคลื่อนที่ของกรุงเทพมหานครไม่เพียงพอสำหรับให้บริการ ขณะนี้ได้จำนวน 32 หลังคาเรือน โดยจะทำการติดสติ๊กเกอร์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ประชาชนทราบ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครจะบริการสูบส้วมให้กับบ้านของประชาชนก่อนและหลังงานพระราชพิธี
นอกจากนี้ยังมีการจัดหน่วยบริการประชาชนทุก ๆ 200 เมตร จำนวน 66 จุด แจ่ละจุดจะมีข้าราชการ 2 คน เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาด 4 คน เจ้าหน้าที่เทศกิจ 2 คน และประชาชนจิตอาสา 2 คน นอกจากนี้ยังประสานกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อให้บริการเป็นภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งจอแอลอีดีขนาดใหญ่จำนวน 25 จอ รวมถึงโทรทัศน์ขนาด 49 นิ้วจำนวน 20 จอกระจายตามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร, วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร โดยจอแอลอีดี 25 จอจะเริ่มติดตั้งวันที่ 27 เมษายน และเริ่มถ่ายทอดภาพพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมต่อเนื่องไปตลอดจนกว่าจะมีการถ่ายทอดสดพระราชพิธี
นอกจากนี้ยังจัดจุดบริการทางการแพทย์ทุก 250 เมตร หน่วยบริการทางการแพทย์ 351 ทีม คอยให้บริการตามเส้นทางที่ประชาชนนั่งเฝ้าฯรับเสด็จ ด้านการให้บริการที่พักสำหรับประชาชน กรุงเทพมหานคร ได้จัดเตรียมสถานที่พักพร้อมเครื่องนอน จำนวน 1,000 คน ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 และอาคารกีฬาเวสน์ 2 เพื่อเป็นที่พักสำหรับประชาชนที่เดินทางมารอรับเสด็จฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป
นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์
ขณะที่ นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยฯ สถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศ และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพรียงกันทั่วโลก สำหรับกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมพร้อมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ประกอบด้วยกิจกรรมทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 3-4 พฤษภาคม โดยจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร สวดมนต์ วิปัสสนา เป็นต้น รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมจิตอาสา อาทิ เชิญชวนให้ชาวไทยในต่างประเทศร่วมบริจาคสิ่งของให้แก่ผู้ยากไร้ หรือการทำความสะอาด ปรับปรุงภูมิทัศน์วัดไทยในต่างประเทศ ตลอดจนบริเวณที่มีคนไทยอาศัยอยู่ละสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ
“สำหรับวันที่ 6 พฤษภาคม อันเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสีหบัญชร ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เพื่อให้ประชาชนเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในเวลา 16.30 น. สถานเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยฯ สถานกงสุลใหญ่ และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยในเมืองจำนวน 82 เมือง ที่อยู่ในโซนเวลาเดียวกัน มีคนไทยจำนวนกว่า 1,600,000 คน อาศัยอยู่ จะจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล โดยทางสถานกงสุลใหญ่จะเชื่อมต่อสัญญาณถ่ายทอดสดจากประเทศไทยเพื่อให้ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในต่างแดนได้ร่วมถวายพระพรชัยมงคลโดยพร้อมเพรียงกัน ส่วนอีก 14 เมืองที่มีโซนเวลาแตกต่างจากประเทศไทย ทางสถานกงสุลจะได้นำเทปบันทึกภาพการถ่ายทอดสดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสีบัญชร ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทจัดฉายให้ชมอีกครั้งในพิธีถวายพระพรชัยมงคลเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้พร้อมใจกันถวายพระพรชัยมงคล นอกจาแนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกับคณะอนุกรรมฝ่ายสารัตถะได้เผยแพร่ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ให้แก่ประชาชนได้รับทราบผ่านทางสถานกงสุลทั่วโลก
อีกทั้งยังได้จัดทำชุดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื้อหานิทรรศการประกอบด้วย พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ทางด้าน สืบสาน รักษา ต่อยอด ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรูปแบบภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยสถานกงสุลไทยในต่างประเทศทุกแห่งจะได้รับชุดนิทรรศการดังกล่าวภายในสิ้นเดือน เมษายนนี้ ไม่เฉพาะคนไทยในต่างประเทศจะได้ร่วมชื่นชมและแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ยังรวมถึงชาวต่างชาติที่รักประเทศไทยด้วย ส่วนในประเทศไทยได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติไว้ 2 แห่งด้วยกัน คือ โถงวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 24 เมษายน -10 พฤษภาคม และกรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้นานาชาติได้รับรู้ถึงความงดงามของโบราณราชประเพณีในพระราชพิธีอันสำคัญยิ่งของชาติไทย” ประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กล่าว