“ปิยะ อุทาโย” ถกชุดสืบสวน บก.น.3 ตั้งข้อหาเจตนาฆ่า พ่อเชือดลูกเมียดับ 3 ศพ พร้อมคลี่ปมนายทุนปล่อยเงินกู้หนี้นอกระบบ พบมีเอี่ยว 7-8 ราย
เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่26เม.ย. ที่ห้องประชุมชั้น3 บก.น.3 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผช.ผบ.ตร.เดินทางมาประชุมวางแนวทางการสอบสวนในคดีดังกล่าวโดยเน้นตรวจสอบว่านายณัฐศักดิ์ผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องการกู้เงินจนเป็นหนี้นอกระบบจริงหรือไม่ และหากว่ามีปัญหาเรื่องนี้จริง การทวงหนี้นั้นเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเรื่องการทวงหนี้และการเรียกดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ โดยมีพ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รองผบก.น.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมประชุม ใช้เวลาประชุม1ชั่วโมง30นาทีจึงแล้วเสร็จ
ทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้แบ่งเป็น2ส่วนแรกเป็นเรื่องดำเนินคดีนายณัฐศักดิ์ ทางสน.มีนบุรีจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนที่2เป็นเรื่องหนี้นอกระบบ ทางบก.น.3ได้ตั้งคณะทำงานเรื่องนี้แล้วและทางศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน(ศปฉช.ตร.)จะร่วมดำเนินการสืบสวนด้วย จากการตรวจสอบพบว่าทางนายณัฐศักดิ์ก่อเหตุดังกล่าวเพราะคับข้องใจเรื่องการถูกทวงหนี้ แม้จะกู้แต่ละเจ้าในวงเงินที่ไม่สูง แต่กู้หลายราย ทั้งจากใบปลิวและในโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งพอมีดอกเบี้ยสูงทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายสูงตาม จนรายได้ไม่เพียงพอในการจ่ายหนี้ จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวอีกว่า เบื้องต้นนายณัฐศักดิ์ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลดูคดีที่เกี่ยวข้องในอดีต และดูเรื่องหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคกลางเพื่อหาความเชื่อมโยงเจ้าหนี้แต่ละราว โดยจะดูว่าเจ้าหนี้ทั้งหลายมีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิด4ข้อหรือไม่ ประกอบด้วยความผิดฐานฉ้อโกง ความผิดตามพรบ.การกู้ยืมเงิน เรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่และมีพฤติกรรมฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ต่อไป หากพบว่าเจ้าหนี้เหล่านี้กระทำผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ดีจากการสอบสวนไม่พบว่าการทวงหนี้นั้นมีการข่มขู่หรือทำร้ายนายณัฐศักดิ์แต่อย่างใด
ขณะที่ พ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวต่อว่า จากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการออกหมายจับนายณัฐศักดิ์ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และจะขออำนาจศาลเพื่อทำการออกหมายฝากขังคุมตัวผู้ต้องหาส่งเรือนจำในวันที่29เม.ย.ต่อไป เบื้องต้นนายณัฐศักดิ์ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าที่กู้เงินมานั้น เพื่อนำมาลงทุนในร้านเครื่องเสียง โดยกู้เจ้าหน้ีประมาณ7-8ราย อย่างไรก็ดีตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อเพราะร้านเครื่องเสียงไม่น่าต้องใช้เงินลงทุนมากขนาดนี้ ซึ่งจะได้สอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมต่อไป