เก๋งหลับในข้ามเกาะชนยับ 2ด.ต.ดับ
เก๋งหลับในข้ามเกาะชนยับ ดาบตำรวจเสียชีวิต 2 นายและเด็กหญิงวัย 8 เดือน รวม 3 ศพ
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.62 พ.ต.ท.สมจิตร สิริแสวง สารวัตรสอบสวน สภ.หนองแค จ.สระบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย บนถนนพหลโยธิน ระหว่างหลัก ก.ม.ที่ 99-100 ฝั่งขาเข้าตัวเมืองสระบุรี ท้องที่ ต.หนองนาก อ.หนองแค (ใกล้สะพานต่างระดับมอเตอร์เวย์พระพุทธฉาย) จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีดำ ทะเบียน กท 8775 นครศรีธรรมราช สภาพพังยับเยินอยู่ในช่องทางด่วน ตรวจสอบภายในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายติดอยู่คาซากรถ ทราบชื่อ ด.ต.ประเสริฐ จ้ายเกิด อายุ 48 ปี ผบ.หมู่ป. สภ.เขานิพันธ์ จ.นครศรีธรรมราช คนขับ อีกรายเป็นเด็กชายอายุ 10 ขวบ เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยเหลือนำตัวทั้งสองส่ง รพ.สระบุรี แต่ ด.ต.ประเสริฐ ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ห่างไปประมาณ 10 เมตร ด้านท้ายรถกระบะ พบรถเก๋งฮอนด้า ซีตี้ สีเทา ทะเบียน กย 7870 สระบุรี พลิกหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังยับเยิน ใกล้กันมีรถเก๋งฮอนด้า ซีตี้ สีทอง ทะเบียน กบ 2016 สระบุรี จอดอยู่ในเลนซ้ายในช่องทางด่วน สภาพกระจกด้านหลังแตก ส่วนผู้บาดเจ็บจากรถทั้ง 2 คัน พลเมืองดีช่วยเหลือนำส่ง รพ.สระบุรี ไปก่อนแล้ว
สอบสวน น.ส.นิตยาภรณ์ จ้ายเกิด อายุ 38 ปี ภรรยาของ ด.ต.ประเสริฐ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุครอบครัวได้พากันออกเดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราช เพื่อกลับบ้านมาเยี่ยมบิดาที่ จ.สุรินทร์ โดยมากันทั้งหมด 9 คน เป็นผู้ใหญ่ 7 เด็ก 2 โดยสามีเป็นคนขับ ส่วนตนนั่งมาในเบาะที่นั่งด้านหลัง ช่วงเกิดเหตุหลับไปจึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ นางสุภาภรณ์ หลิมพิพัฒน์ อายุ 30 ปี ให้การว่า ขณะตนและสามีกำลังพากันขับรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีทอง มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสระบุรีเพื่อไปหาหมอ จู่ๆรถเก๋งฮอนด้าซิตี้สีเทา ก็พุ่งเหินข้ามร่องกลางถนน มาชนกับรถกระบะโตโยต้าที่วิ่งมาในช่องทางขวาอย่างจัง เสียงดังสนั่น ก่อนจะเสียหลักแฉลบมาถูกรถของตน ที่วิ่งอยู่ในเลนซ้ายจนได้รับความเสียหาย แต่ยังโชคดีที่ตนกับสามีไม่เป็นอะไร
ด้าน พ.ต.ท.สมจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 2 รายแล้ว คือ ด.ต.สมบูรณ์ วานุนาม อายุ 62 ปี และ ด.ญ.อรัชพร เพชรสีทอง วัย 8 เดือน ซึ่งทั้งสองนั่งมาในรถกบะบะ ส่วนคนขับรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีเทา นั้น คาดว่าน่าจะหลับใน เพราะไม่มีรอยเบรกรถจากอีกฝั่ง ทางเจ้าหน้าที่จะได้รอให้คนเจ็บหายจากอาการบาดเจ็บเสียก่อน จึงจะสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.