แพทย์มะกันแนะวิธีรับมืออาการ“Text Neck Syndrome”
หลายคนในสังคมก้มหน้าคงคุ้นเคยกับอาการปวดเมื่อยคอ ปวดหัว ปวดแขนและไหล่ และปวดตามข้อต่อกันดี เหล่านี้คืออาการ“Text Neck Syndrome” ที่เกิดจากการใช้สมาร์ทโฟนติดต่อกันเป็นเวลานาน
นายแพทย์ดีน ฟิชแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาด้วยการจัดกระดูกสันหลัง เป็นผู้บัญญัติคำว่า “Text Neck” ขึ้นมา โดยเป็นคำที่ใช้แทนอาการไหล่ห่อคอตก ที่เกิดจากการที่ก้มมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งรู้สึกปวดคอหรือเมื่อยไหล่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจลุกลามจนทำให้ข้อต่อหรือหมอนรองกระดูกบริเวณคอเสื่อมได้
เนื่องจากการโน้มคอ ก้มศีรษะมาด้านหน้าและห่อไหล่ทั้งสองข้าง ขณะใช้สมาร์ทโฟนบ่อยๆ เป็นเวาลานาน ทำให้ร่างกายอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมจนกล้ามเนื้อบริเวณคอบาดเจ็บเรื้อรัง คนที่เป็นมากอาจมีอาการชารุนแรงถึงขั้นปวดร้าว ตั้งแต่ต้นคอถึงมือ รวมทั้งแขนและมีอาการมืออ่อนแรง
วารสารทางการแพทย์ในสหรัฐ ระบุว่า หากโน้มคอ หรือก้มหน้ามองจอสมาร์ทโฟนในช่วงระยะเวลาสั้นๆแค่ 15 องศา คอจะแบกรับน้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม และหากก้มมากขึ้นที่ 45 องศา คอต้องรับน้ำหนักเพิ่มเป็น 20 กิโลกรัม และหากก้มลงไปมากถึง 60 องศา คอต้องรับน้ำหนักถึง 27 กิโลกรัม
ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำว่า ควรให้มือถืออยู่ตรงกับระดับสายตา เพื่อให้กระดูกสันหลังตรง ไหล่ไม่ห่อ และพยายามใช้สมาร์ทโฟนเท่าที่จำเป็น หันไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อคอและหลัง
ส่วนผู้ที่รู้สึกปวดเมื่อย ให้ลองบริหารต้นคอ เช่น ขยับศีรษะช้าๆจากซ้ายไปขวา และทำซ้ำๆ หรือใช้ฝ่ามือดันศีรษะเคลื่อนไปข้างหน้าและหลัง รวมทั้งกางมือและแอ่นหน้าอกไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการปวดและสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอได้
อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ผู้เขียนรายงานเกี่ยวกับอาการนี้ในวารสารการแพทย์ระบุว่า แม้ผู้มีอาการปวดเรื้อรังบริเวณคอ บ่าและไหล่ใช้การทำกายภาพบำบัดหรือใช้ยาช่วยให้อาการปวดบรรเทาลง แต่ถ้ากลับมามีพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนแบบเดิมอีก ก็มีโอกาสกลับมาเป็น Text Neck Syndrome ได้อีก