บุกช่วย12สาวลาว เหยื่อค้ากาม ร้านโอเกะชายแดนไทย-มาเลย์
จนท.ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครองร่วมกับดีเอสไอ และ เอ็นจีโอ OUR บุกช่วยเหลือ12สาวลาว ถูกนำมาค้าประเวณีร้านคาราโอเกะ ชายแดนไทย-มาเลเซีย
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.30 น. วันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง (ชปพ.ปค.) ร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) และองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ OUR ได้ปฏิบัติการบุกเข้าช่วยเหลือหญิงสาวชาวลาว ที่ถูกนำมาค้าประเวณีในสถานบริการชายแดนไทยมาเลเซีย กลางเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
การปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากองค์กรพัฒนาเอกชน(NGO) OUR ได้แจ้งเบาะแสให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ให้ทราบว่า มีการนำหญิงชาวลาวเข้ามาค้าประเวณีที่ร้านอย่าอิจฉา อำเภอเชียงคาน จังหวัดหนองคาย ซึ่งชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองได้ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าทำการสืบสวนจับกุมผู้ประกอบการร้านอย่าอิจฉาและช่วยเหลือหญิงชาวลาวได้จำนวน 10 คน ไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่า เด็กสาวชาวลาวหนึ่งในเป้าหมายที่เคยทำงานอยู่ที่ร้านอย่าอิจฉา ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม ได้ถูกนำพามาค้าประเวณีอยู่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงได้ร่วมกันกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ OUR ทำการสืบสวนวางแผนให้ความช่วยเหลือ
กระทั่งวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายมานะ สิมมา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับ สืบสวนและปราบปราม สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่ DSI นำโดย พ.ต.ต.มิตร พรหมมา ผู้อำนวยการส่วนคดีการค้ามนุษย์
ได้ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสุไหงโก-ลก นำโดยนายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก และตำรวจสภ.สุไหงโก-ลก เข้าทำการตรวจสอบสถานบริการชื่อรีแลคผับ ซึ่งตั้งอยู่กลางตัวเมืองสุไหงโก-ลก
สำหรับร้านดังกล่าวเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ แต่ลูกค้าสามารถซื้อหญิงบริการออกไปร่วมประเวณีที่โรงแรมใกล้เคียงได้ โดยหากร่วมประเวณี 1 ชั่วโมงราคา 1,500 บาท ทางร้านจะได้รับส่วนแบ่งจำนวน 750 บาท ต่อครั้งต่อคน หากค้างคืน ราคา 3,000 บาท ทางร้านจะได้รับส่วนแบ่งจำนวน 800 บาท ต่อครั้งต่อคน แต่หญิงบริการจะได้รับค่าตัวตอนช่วงสิ้นเดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในร้าน พบหญิงสาวชาวลาวทำงานอยู่ภายในร้านจำนวนทั้งสิ้น 12 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวหญิงสาวชาวลาวทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองและคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยทีมสหวิชาชีพ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีเบาะแสว่าเด็กสาวชาวลาวจำนวน 2 คนที่ทำงานอยู่ในร้านนี้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งกระบวนการคัดแยกผู้เสียหายโดยปกติจะให้มีการส่งตัวไปตรวจอายุกระดูกที่โรงพยาบาล เพื่อยืนยันอายุที่แท้จริง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวพนักงานหญิงทั้ง 12 คนต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องได้แก่เจ้าของร้าน ผู้จัดการดูแลร้าน จำนวน 4 คน ในข้อหา 1.ร่วมกันเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี 2.เป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณี 3.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 4.รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน ซึ่งหากผลการตรวจอายุกระดูกของหญิงบริการออกมาว่าอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เจ้าหน้าที่จะได้พิจารณาร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมให้มีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ต่อไป
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้ร่วมกันทำการสืบสวนขยายผลเชื่อมโยงไปถึงขบวนการนำพาหญิงสาวชาวต่างด้าวเข้าสู่ประเทศไทย หากพบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดเจ้าหน้าที่จะได้พิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย