สรรพสามิต รับภาษีมอเตอร์ไซค์ใหม่ ราคาขยับแค่ 200-300 บาท/คัน

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า มาตรการภาษีเพื่อลดปริมาณฝุ่น โดยจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถมอเตอร์ไซด์ตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 มกราคม 2563 นั้น ยืนยันว่า จะไม่กระทบกับราคาขายปลีกรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เพราะรถจักรยานยนต์ที่มีการใช้แพร่หลายในท้องตลาด กว่า 90% ของยอดการจำหน่ายทั้งหมด 1.48 ล้านคัน มีขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 150 CC ซึ่งจะทำให้มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเพียง 100-200 บาทต่อคันเท่านั้น

ส่วนรถบิ๊กไบค์ที่มีขนาดมากกว่า 1,000 CC ซึ่งมีกว่า 1,000 คัน ที่ปัจจุบันเสียภาษี 17% ก็มีโอกาสที่จะเสียภาษีเพิ่มขึ้น หรือลดลงหากมีการปรับเทคโนโลยีในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยประเมินว่าภาษีดังกล่าวจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 30-40% หรือประมาณ 600-800 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บได้ 2,000 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ อัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมอเตอร์ไซค์ ขณะนี้รอประกาศลงพระราชกิจจานุเบกษา โดยเปลี่ยนการจัดเก็บภาษีจากความจุของกระบอกสูบมาเป็นการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยรถมอเตอร์ไซค์ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) ในอัตรา 1% ของราคาขายปลีก จากปัจจุบันที่ยกเว้นจัดเก็บภาษี ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า 50 กรัม จัดเก็บ 3% หากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 51-90 กรัม เสียภาษี 5% การปล่อยก๊าซ 9-130 กรัม เสียภาษี 9% การปล่อยก๊าซมากกว่า 130 กรัม เสียภาษี 18% ขณะที่มอเตอร์ไซค์ต้นแบบเพื่อการวิจัยได้รับการยกเว้นเสียภาษี

“โครงสร้างภาษีใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศที่คำนึงถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน และสนับสนุนทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานในอนาคต และช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และปัญหามลพิษต่างๆ ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้”

อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซค์ปัจจุบัน ที่มีความจุต่ำกว่า 150 CC เสียภาษีในอัตรา 2.5% ของราคาขายปลีก ขนาด 150-500 CC เสียภาษีในอัตรา 4% ขนาดความจุ 500-1,000 CC เสียภาษีในอัตรา 8% และขนาดจุมากกว่า 1,000 CC จัดเก็บภาษีในอัตรา 17%