เอเชียแหล่งรวมบริษัทโตเร็วที่สุด

เอเชียแหล่งรวมบริษัทโตเร็วที่สุด

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทเอเชีย 1,679 แห่ง มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10 เท่า คิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งโลก

ไม่น่าเชื่อว่า 10 ปีหลังเกิดวิกฤติการเงินโลก เศรษฐกิจเอเชียเติบโตขึ้นมาก ได้แรงหนุนจากผู้บริโภคที่อู้ฟู่มากขึ้น ส่งผลให้หลายๆ บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ความท้าทายที่ตามมาคือเมื่อเศรษฐกิจในประเทศอิ่มตัว บริษัทเหล่านี้จะทำอย่างไรต่อไป

เว็บไซต์นิกเคอิรายงานว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทเอเชีย 1,679 แห่ง มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10 เท่า คิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งโลก ไม่รวมบริษัทในตะวันออกกลาง เอเชียกลาง และญี่ปุ่น

การเติบโตของบริษัทเอเชียได้อานิสงส์จาก เศรษฐกิจในภูมิภาคหนุนความต้องการผู้บริโภคแข็งแกร่ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รายงานว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) ในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ของเอเชียขยายตัวถึง 160% เทียบกับจีดีพีโลกที่โตราว 30% จึงไม่น่าแปลกใจที่นักลงทุนต่างชาติจะทุ่มเงินลงทุนลงมาสู่ภูมิภาคนี้

นิกเคอิพบว่า ทั่วโลกมีบริษัทที่โต 10 เท่า 3,346 แห่ง หรือแค่ 10% ของบริษัททั้งหมดที่นิกเคอิตรวจสอบ หากแบ่งเป็นรายภูมิภาคเอเชียเป็นผู้นำ ตามด้วยสหรัฐ 482 บริษัท ยุโรป 470 บริษัท และญี่ปุ่น 193 บริษัท

ในภูมิภาคเอเชีย อินเดียถือเป็นหัวขบวน มีบริษัทโต 10 เท่า 494 บริษัท จุดเด่นที่ขับให้อินเดียมายืนอยู่ในตำแหน่งหัวแถวของภูมิภาคอยู่ที่บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีวิศวกรซอฟต์แวร์เก่งๆ มากมายไปหมด

บริษัทอันดับ 1 ของอินเดียคือ “ทาทา คอลซันแทนซี เซอร์วิซ” ที่มูลค่าตลาดพุ่งขึ้น 10 เท่ามาอยู่ที่ 1.08 แสนล้านดอลลาร์ ด้วยความโดดเด่นด้านคลาวด์คอมพิวติงและปัญญาประดิษฐ์

อันดับ 2 ของภูมิภาคหนีไม่พ้นจีน มีบริษัทโต 10 เท่า 334 แห่งเบอร์ 1 แห่งแดนมังกรตกเป็นของเทนเซ็นต์ มูลค่าตลาดโต 33 เท่ามาอยู่ที่ 4.37 แสนล้านดอลลาร์ หากนับรวมทั้งโลกเทนเซ็นต์ถือเป็น “บริษัทโต 10 เท่า” ใหญ่สุดอันดับ 2 รองจากอเมซอนดอทคอม

ขณะที่วีแชท เจ้าของแอพพลิเคชันส่งข้อความและชำระเงินผ่านมือถือ ก็เติบโตอย่างน่าชื่นชม มีผู้ใช้แอพวีแชทถึง 1.1 พันล้านคน แม้แต่ชาวบ้านในชนบทก็ใช้ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงพัฒนาแหล่งรายได้อันหลากหลาย ทั้งเกมบนสมาร์ทโฟน บริการสั่งอาหารออนไลน์ สตรีมมิงเพลง และจองเที่ยวบิน โอกาสของเทนเซ็นต์เหมาะเจาะในช่วงที่ชาวจีนใช้สมาร์ทโฟนกันอย่างแพร่หลาย

จุดเด่นของจีนมีหลายประการ อาทิ จีดีพีต่อหัวเกือบ 10,000 ดอลลาร์ ชนชั้นกลางในเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเมืองชายฝั่งอื่นๆ เพิ่มจำนวนขึ้น บริษัทอย่างไคว่โฉ่วเหมาไถ ผู้ผลิตสุราหรู บริษัทท่องเที่ยวซีทริป และเอเอ็นทีเอ สปอร์ตส โปรดัคท์สจึงล้วนได้ประโยชน์จากการบริโภคที่หลากหลายของชาวจีน

ในเกาหลีใต้และไต้หวัน บริษัทไฮเทคชั้นนำของโลกเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์อื่นๆ บริษัทเอสเอ ไฮนิกซ์ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากแดนโสมขาว เป็นบริษัทโต 10 เท่าอันดับ 6 ผลพวงจากความต้องการชิพความจำเพื่อเก็บข้อมูลเติบโตมากลาร์กันพรีซิชัน ในไต้หวัน ซัพพลายเออร์เลนส์สำหรับกล้องสมาร์ทโฟนรายใหญ่สุด มีสัดส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขายเกือบ 50% เนื่องจากเทคโนโลยีสุดล้ำของบริษัท

บริษัทโตเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ไม่น้อยหน้าอินโดนีเซียมีบริษัทโต 10 เท่า 85 แห่ง ไทย 82 แห่ง มาเลเซีย 71 แห่งบริษัทในกลุ่มนี้เช่นกุดังการัม บริษัทผลิตยาสูบชั้นนำจากอินโดนีเซียซีพีออล์ บริษัทค้าปลีกไทย และฮัปเส็งคอนโซลิเดต จากมาเลเซีย

แวดวงยาและการแพทย์ ได้แก่ เจียงซูเหิงรุ่ยเมดิซีน บริษัทยารายใหญ่จากจีนผู้ขายยาต้านมะเร็งและยาสลบอยู่ในอันดับ 8 เซลล์เทรียนเฮลธ์แคร์จากเกาหลีใต้ก็อยู่อันดับต้นๆ เนื่องจากทำยอดขายยาชีววัตถุคล้ายคลึงได้สูงมาก

ส่วนบริษัทการเงินที่ติดกลุ่มโต 10 เท่า เช่น เอชดีเอฟซีแบงก์จากอินเดีย และซิิติกกรุ๊ปจากจีน  แต่ในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจเอเชียอิ่มตัว บริษัทเหล่านี้จะยังรักษาอัตราการเติบโตเอาไว้ได้หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญยังเห็นต่างกัน

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะชลอลงจาก 5.9% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 5.7% ในปีนี้ และ 5.6% ในปี 2563แม้การบริโภคในหลายเขตเศรษฐกิจยังไปได้ดี แต่ความไม่แน่นอนก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน

นักวิเคราะห์มองว่า ความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโตทำให้หุ้นบางตัวมูลค่าเกินจริง อัตราส่วนราคาต่อกำไรของเทนเซ็นต์อยู่ที่ 40 ทีซีเอสอยู่ที่ 26 เทียบกับค่าเฉลี่ยในหลายตลาดเอเชียอยู่ที่ 13-18

โทรุ นิชิฮามะหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากไดอิจิ ไลฟ์ รีเสิร์ช อินสติติวท์ กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจเอเชียอิ่มตัวกว่านี้ การบริโภคมีให้เลือกหลากหลาย เกิดเทรนด์ใหม่ๆ อีกมากมาย เท่ากับว่าบริษัทในเอเชียจะรักษาการเติบโตได้ยาก หากยังใช้วิธีการขยายขนาดแบบเดิมต่อไป