JKN - ซื้อ

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

• รายงานกำไรสุทธิ 1Q62 ที่ 80 ลบ. เติบโต 14%YoY ตามรายได้จากการจำหน่ายสิทธิ์คอนเทนต์: รายงานกำไรสุทธิ 1Q62 ที่ 80 ลบ. เติบโต 14%YoY ตามรายได้จากการจำหน่ายสิทธิ์คอนเทนต์ที่เติบโตถึง 26%YoY สู่ 412 ลบ. แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 293 ลบ. ลดลง 10%YoY โดยหลักลดลงจากลูกค้าที่เป็นสถานีโทรทัศน์ระบบเคเบิลและดาวเทียม และมียอดขายต่างประเทศ 118 ลบ. เนื่องจากบริษัทเริ่มมียอดขายต่างประเทศจึงได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนใน 1Q62 ที่ 14 ลบ. ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวลดลงจาก 4% ใน 1Q61 เหลือ 19% โดย ณ สิ้น 1Q62 บริษัทมี Backlog จากการจำหน่ายคอนเทนต์ทั้งสิ้น 709 ลบ. แบ่งเป็นในประเทศ 578 ลบ. และต่างประเทศ 131 ลบ.
• คงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ราว 300 ลบ. เติบโต 32%YoY แม้ยอดขายในประเทศจะได้รับผลกระทบ: แม้ในช่วง 1Q62 ยอดขายสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศจะลดลงและคาดว่าจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากจากการคืนใบอนุญาตของทีวีดิจิตอลทั้งสิ้น 7 ช่อง โดยเป็นลูกค้าที่ซื้อคอนเทนต์กับทาง JKN ถึง 2 ช่องได้แก่ ช่อง Bright TV และช่อง 3SD ซึ่งกระทบกับรายได้ราว 5-7% แต่เรามองว่าบริษัทจะสามารถขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศมาชดเชยรายได้ที่หายไปได้ อีกทั้งบริษัทเตรียมเปิดตัวรายการ CNBC ในช่วงเดือน ก.ค.62 ซึ่งจะหนุนการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่ง เราจึงยังคงประมาณการการเติบโตรายได้ที่ราว 20% สู่ 1.7 พันลบ.และยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ที่ 300 ลบ. เติบโต 32%YoY
• คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 10.00 บาท: ถึงแม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากการคืนใบอนุญาตทีวีดิจิตอลทำให้รายได้จากการขายคอนเทนต์ในประเทศลดลง แต่เรามองว่าบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายจากต่างประเทศเข้ามาชดเชยได้ โดยเรายังคงใช้ Prospective PER ที่ 18 เท่า ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 10 บาท มีอัพไซต์จากราคาปิดล่าสุดราว 25% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยสนับสนุน

        1. สามารถขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศได้มากกว่าคาด

        2. สามารถรักษาและเพิ่มจำนวนยอดขายคอนเทนต์ในประเทศได้

        3. สามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้เร็วขึ้น

ความเสี่ยง

       1. กระแสความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง

       2. การถูกละเมิดลิขสิทธิ์

       3. เก็บเงินจากลูกหนี้การค้าได้ช้ากว่าคาด