ระดมกวาดล้างหมายจับผู้ต้องหาคดีโรแมนซ์สแกม และคอลเซ็นเตอร์
ตร.ระดมกวาดล้างหมายจับผู้ต้องหาคดีโรแมนซ์สแกม และคอลเซ็นเตอร์
เมื่อวันที่ 31 พ.ค.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท., พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร จึงได้มอบหมายให้ ชุดปฏิบัติการของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) เร่งรัดการจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไว้แล้ว โดยในห้วงเวลาระหว่างวันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นความผิดในคดี Romance Scam รวมจำนวน 60 ราย และ ผู้ต้องหาในคดี Call center รวมจำนวน 44 ราย โดยมีเป้าหมายการจับกุมผู้ต้องหา ครบ 100 เปอร์เซ็นต์
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ และได้เร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) โดยได้รวบรวมเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถมาปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เพื่อเร่งรัดในการติดตามจับกุมคนร้ายซึ่งมีแผนประทุษกรรมที่ซับซ้อน การกระทำผิดมีการแบ่งหน้าที่กันทำและเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ
ทั้งนี้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) ได้ประสานการปฏิบัติกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้นโยบาย One World One Team โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมปฏิบัติการในหลายประเทศ ตลอดจนเฝ้าระวังและปราบปรามอย่างจริงจังต่อเนื่อง ภายใต้นโยบาย หมายจับคดี Romance Scam และ Call Center เป็น ศูนย์ จากผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ คดี Romance Scam จำนวน 7 ราย 7 หมาย, อายัดตัวผู้ต้องหา 2 ราย 2 หมายจับ โดยผู้ต้องหาเป็นชาวไทยทั้งหมดจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ คดี Call Center ได้จำนวน 2 ราย 2 หมาย โดยผู้ต้องหาเป็นชาวไทยทั้งหมดรวมดำเนินการทั้งสิ้น ทั้งหมด 9 หมายจับ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ยังคงดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ยังหลบหนีทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง ต่อไป