กรมการค้าภายในเตรียมเชิญ 70 ร.พ.เอกชน ปรับลดราคายา

กรมการค้าภายในเตรียมเชิญ 70 ร.พ.เอกชน ปรับลดราคายา

กรมการค้าภายในเตรียมเชิญ 70 โรงพยาบาลเอกชนหารือขอความร่วมมือปรับลดราคายาให้มีความเป็นธรรม หลังพบ 30 % คิดค่ายาสูงเกินจริง

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เผยถึงความคืบหน้าหลังจากนางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ลงนามในประกาศ กกร. ฉบับที่ 52 พ.ศ. 2562 เรื่อง การแจ้งราคา การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเกี่ยวกับการจำหน่ายยารักษาโรค เวชภัณฑ์ ค่าบริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาว่า ประกาศดังกล่าวมีความต้องการให้ทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมากรมจึงได้หาข้อมูลยา เวชภัณฑ์จากหลากหลายแหล่งข้อมูลเช่น กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ภาคเอกชนเช่นโรงพยาบาล ผู้นำเข้ายา ผู้ผลิตยา เวชภัณฑ์ที่สำคัญ ๆ หลังจากได้ข้อมูลมาได้นำมาศึกษาทิศทางราคา และประเมินต้นทุนต่าง ๆ พบว่ามี 353 โรงพยาบาลที่ส่งข้อมูลมาทั้งราคาซื้อและขาย และพบว่ามี 30% ของโรงพยาบาลที่ส่งข้อมูลคิดราคาต่ำกว่าที่เฉลี่ยทั่วไป อีก 40% คิดราคาในระดับกลาง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ป่วยในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลที่เหลืออีกประมาณ 30% หรือประมาณ 70 แห่ง ที่ต้องเชิญมาหารือคือกลุ่มที่ตั้งราคาไว้สูงกว่าราคาเฉลี่ยไว้ค่อนข้างมากเฉลี่ยสูงถึง 300% บางรายสูงถึง 8,000% และที่น่าตกใจคือบางรายสูงถึง 16,000% ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธาน กกร. ได้ออกประกาศให้สินค้าประเภทยา เวชภัณฑ์และการบริการเป็นสินค้าและบริการควบคุมแล้ว โดยกำหนดให้ทุกโรงพยาบาลต้องแจ้งข้อมูลราคายา เวชภัณฑ์และบริการมายังกรมให้แล้วเสร็จก่อน 12 กรกฎาคมนี้ จากนั้นกรมจะนำข้อมูลขึ้นเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรม เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบก่อนใช้บริการได้ และจะนำข้อมูลที่ได้ไปจัดทำคิวอาร์โค้ดเพื่อให้ประชาชนสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อนำข้อมูลไปตรวจสอบ เปรียบเทียบราคากันได้ โดยหลังจากที่โรงพยาบาลแจ้งราคาไปแล้วหากจะเปลี่ยนแปลงราคาต้องแจ้งล่วงหน้า 15 วัน เพื่อจะได้อัพเดทข้อมูลทั้งในเว็บไซต์และคิวอาร์โค้ด ทั้งนี้หากไม่แจ้งตามที่ประกาศกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง

“ย้ำอีกทีว่า สิ่งที่โรงพยาบาลทุกแห่งต้องทำคือการที่ทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือก หลังจากผู้ป่วยพบแพทย์ และประเมินอาการแล้วต้องแจ้งว่าค่ารักษาพยาบาลจะอยู่ที่เท่าไหร่ กำหนดให้แจ้งในใบสั่งยาต้องมีชื่อยาทางวิทยาศาสตร์ ชื่อทางการค้า สรรพคุณ วิธีการใช้ ราคาต่อหน่วย และต้องให้ใบสั่งยาก่อนที่ผู้ป่วยจะไปรับยาโดยต้องเปิดทางให้ผู้ป่วยเลือกว่าจะซื้อหรือรับยาดังกล่าวจากโรงพยาบาลหรือจะนำใบสั่งยานี้ไปซื้อยาจากร้านขายยาข้างนอก หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ทั้งนี้ การรักษาต้องสมเหตุสมผล จากที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนมามากว่าได้รับการดูแลรักษาแบบเกินพอดี (Over Treatment) เช่น แค่มีอาการท้องเสียแต่ได้เอ็กซเรย์ ตรวจ MRI ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นไปมาก กระทรวงพาณิชย์ จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ หากพบว่าโรงพยาบาลมีพฤติกรรม Over Treatment เรื่องจะถูกส่งมายัง กกร. ก็จะถูกดำเนินการทางกฎหมายต่อไป เบื้องต้นหากผู้บริโภคเห็นว่ามีการคิดราคาสูงเกินสมควรจริง ร้องเรียนเข้ามา และพบว่าผิดจริง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“เราอยากเห็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยกันระหว่างโรงพยาบาลกับผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการเพราะบางครั้งผู้ป่วยก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เป็นเรื่องของความอยู่รอดของชีวิต อยากให้ทางโรงพยาบาลปรับแนวคิดในการดำเนินการให้มีความเป็นธรรมและโปร่งใส”นายวิชัย กล่าว