เผยไทยแหล่งเพาะเลี้ยง-ลอบส่งออกม้าน้ำอับดับ 1 โลก
สวนทางกับความเป็นจริงที่ไทยมีกฏหมายห้ามส่งออกม้าน้ำตั้งแต่เดือนม.ค.ปี2559
เว็บไซต์ข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานสถานการณ์ประชาการม้าน้ำทั่วโลกที่มีจำนวนลดลง เนื่องจากการลักลอบค้าม้าน้ำกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในฮ่องกง ที่มีความเชื่อว่าการบริโภคม้าน้ำจะช่วยเพิ่มสมรรภาพทางเพศ
ทั้งนี้ โปรเจ็กต์ ซีฮอร์สได้เผยแพร่งานวิชัยที่บ่งชี้ว่า ประชากรม้าน้ำอย่างน้อย 11 สายพันธุ์ ลดลงไปประมาณ 30-50% ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งม้าน้ำทุกสายพันธุ์ ถูกจัดให้เป็นสัตว์คุ้มครองตาม อนุสัญญาด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ตั้งแต่ปี 2545 สามารถส่งออกม้าน้ำได้หากได้จากแหล่งถูกกฎหมายและมีเอกสารพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียมีกฏหมายห้ามส่งออกม้าน้ำ แต่กฏหมายนี้กลับทำให้เกิดตลาดมืดลักลอบค้าม้าน้ำขึ้นมา
ซาราห์ ฟอสเตอร์ ผู้จัดการโครงการโปรเจ็กต์ ซีฮอร์ส มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา กล่าวว่า ฮ่องกงเป็นประเทศที่มีการนำเข้าม้าน้ำประมาณ 2 ใน 3 จากการนำเข้าทั่วโลกช่วงปี 2547-2560 ขณะที่กองทุนสัตว์ป่าโลกรายงานว่า ความนิยมนำม้านำมาใช้เป็นยารักษาโรคเป็นแรงผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งในจีน ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
งานวิจัยของฟอสเตอร์ ยังศึกษาแหล่งที่มาของม้าน้ำช่วงปี 2559-2560 พบว่า 95% นำเข้าจากหลายประเทศที่มีกฏหมายห้ามส่งออก โดยไทย เป็นผู้เพาะเลี้ยงและส่งออกม้าน้ำอันดับ 1 โดยส่งไปยังร้านขายยาแผนโบราณของจีนในฮ่องกง