รวบคนร้ายเปิดเฟซบุ๊ค หลอกรับจำนำรถ ตกหลุมพราง 76 ราย สูญกว่า 36 ล้าน
ศปอส.ตร. แถลงจับกุมคนร้ายเปิดเฟซบุ๊ค หลอกรับจำนำรถยนต์ติดไฟแนนซ์ ก่อนขนไปจำหน่ายให้นายทุน-แก็งขนยาเสพติด พบมีเหยื่อนับร้อย สูญเงินกว่า 36 ล้าน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2562 พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ สงคร้าม ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แถลงจับกุมกลุ่มคนร้ายเปิดเพจเฟสบุ๊กชื่อ “รับจำนำรถติดไฟแนนซ์”หลอกลวงประชาชนโดยมีผู้เสียหาย 76 ราย สูญเงินกว่า 36 ล้านบาท ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับทางศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโยโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร.
พ.ต.ท.วีระ ทิพย์พาหน รองผู้กำกับการสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ในฐานะ จทน.ศูนย์ ศปอส.ตร. กล่าวว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้มีนายธีรวุฒิ พร้อมกับพวกเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ “รับจำนำรถยนต์ติดไฟแนนซ์” มีการโฆษณารับจำนำรถติดไฟแนนซ์ โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 และอ้างว่าจะเก็บรักษารถยนต์ที่นำมาจำนำไว้ในโกดัง มีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นแผนหลอกลวงทั้งสิ้น โดยคนร้ายไม่ได้มีเจตนาในการประกอบธุรกิจรับจำนำรถติดไฟแนนซ์จริง แต่พบว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีผู้รับจำนำรถยนต์ ,ผู้รับรถยนต์จากผู้เสียหาย นำรถยนต์มาส่งต่อกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นนายทุน นำไปเก็บรักษา และในการรับรถยนต์จะเดินทางมารับรถยนต์ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ซ้ำกัน จากนั้นคนร้ายจึงมอบเงินค่าจำนำรถให้กับผู้เสียหายจำนวนคันละประมาณ 50,000-150,000 บาท จากนั้นกลุ่มคนร้ายจะนำรถยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป โดยที่ผู้เสียหายยังชำระดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้กับกลุ่มคนร้ายโดยโอนเงินเข้าบัญชี นายธีรวุฒิ เกียงขวา ต่อมาว่าผู้เสียหายตรวจสอบพบว่ารถยนต์ของตนเองมีบุคคลอื่นการนำไปใช้งานโดยมีใบสั่งคดีจราจรส่งมายังผู้ครอบครองและรถยนต์บางคันนำไปใช้ในการกระทำความผิดขนยาเสพติดและถูกยึดเป็นของกลาง จึงได้ติดต่อขอไถ่ถอนรถยนต์คืนจากกลุ่มคนร้าย แต่กลุ่มคนร้ายได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนรถยนต์ให้เป็นเหตุให้มีผู้เสียหายได้รับความเสียหายจำนวนมาก
พ.ต.ท.วีระ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ทำสอบปากคำผู้เสียหายและสืบสวนจนนำไปสู่การขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหารวม 7 ราย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,นำเข้าสู่ข้อมูลอันเป็นเท็จตาม ความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ขณะนี้สามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 2 ราย รวมทั้งนายธีรวุฒิ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพานทอง ส่วนรถยนต์ติดตามคืนมาได้แล้ว 13 คัน ในจำนวนนี้มี 8 คัน ที่เกี่ยวข้องกับทางคดี ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล เนื่องจากเชื่อว่ายังมีผู้ต้องหากระทำผิดและหลอกลวงในลักษณะเดียวกันอีก