จับ 7 ผู้ต้องหา เครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติ นายหน้าโหดลวงเมียนมาร์ขายแรงงานไทย
ตำรวจแถลงจับกุม 7 ผู้ต้องหา แก็งเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาตินายหน้าโหดลวงเมียนมาร์ขายแรงงานไทย
เมื่อวันที่17 มิถุนายน 2562 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.สัญชัย สุนทรบูรณะ ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ผบช.สทส.) ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวและป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง รองผบช.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาตินายหน้าโหดบังคับค้าแรงงานสัญชาติเมียนมาร์ สามารถจับกุม นางสาวซู ไล (SU HLAING HNIN) อายุ 45 ปี , นายสุรวุฒิ สินธวาชีวะ อายุ 61 นายตัน โทะ อู (THAN HTUT OO) อายุ 27 ปี , นายเมา เมา (MR.KO KO MAUNG) อายุ 42 ปี , นายเอกภพ ไชยชนะอายุ 36 ปี นายสมชาย มีชายกุน อายุ 39 ปี , นางลาล่า มีชายกุน อายุ 41 ปี
โดยผู้ต้องหาที่1-5 มีความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่งสองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบการบังคับใช้แรงงานหรือบริการอื่นใดที่คล้ายคลึงอันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ตกลงกันไว้ โดยร่วมกันตั้งแต่งสามคนขึ้นไปเพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกพาเข้ามาในราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย,มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือข่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุม สำหรับผู้ต้องหาคนที่ 6-7 มีความผิดฐานร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุม
พล.ต.ท.สัญชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากระหว่างเดือน สิงหาคม 2560 - กันยายน 2560 ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแรงงานสัญชาติเมียนมา จำนวน 9 ราย ได้ถูกกลุ่มผู้ต้องหา มีทั้งสัญชาติเมียนมาและไทย ร่วมกันหลอกมาทำงานที่ประเทศไทย โดยผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้จ่ายเงินจำนวน 20,000 – 25,000 บาท ต่อรายให้กับกลุ่มผู้ต้องหา จากนั้นได้เดินทางมายังประเทศไทย แต่ไม่ได้ไปทำงานตามที่ได้ตกลงไว้และถูกบังคับให้ไปทำงานตัดอ้อย อีกทั้งยังถูกบังคับ ขู่เข็ญ และกักขังไม่ให้ออกนอกสถานที่ ผู้เสียหายทนไม่ได้จึงหลบหนีออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ต่อมาสถานฑูตฯ ได้ประสานให้ กก.2 บก.ปคม. ร่วมกันเข้าช่วยเหลือผู้เสียหายทั้ง 9 ราย และได้มีการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับเจ้าหน้าที่พม. ผู้เสียหายจำนวน 9 ราย เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงได้เข้ารับการคุ้มครองชั่วคราวที่ สถานคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2560
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. , สตม. , กรมการจัดหางาน และ บก.ปคม. ขยายผลขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง (passport) และ เอกสารการทำงานของแรงงานต่างด้าว โดยได้เข้าตรวจค้นที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซ.แจ้งวัฒนะ 6 แยก 1-2 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทที่นำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ และได้จับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าว พร้อมของกลางพาสปอร์ตต่างประเทศ กว่า 500 เล่ม และตรายางประทับหน่วยราชการและเอกสารอื่นๆ เป็นจำนวนมาก