“เรืองไกร” ยื่นอัยการสูงสุด ส่งศาล รธน. วินิจฉัยเพิกถอนกรรมการสรรหาส.ว. เหตุขัด รธน. ย้ำ 194 ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ เป็นโมฆะ เชื่อจ้อมูลถูกนำไปอภิปรายในสภาฯ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้ายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอให้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสั่งการให้การกระทำของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นอันใช้บังคับมิได้ โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับ
นายเรืองไกร กล่าวว่า คำสั่ง คสช. ที่ 1/2562 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ไม่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องของประชาชน ตนขอชื่นชมนายวิษณุเป็นมือกฎหมายที่มีอภินิหารเยอะ แต่ที่อ้างว่าไม่ใช่เรื่องของประชาชนนั้นขอคัดค้านเต็มที่ เพราะอำนาจอธิปไตยฝ่ายนิติบัญญัติ การได้มาซึ่ง ส.ว. ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อำนาจอธิปไตยเขียนชัดว่าเป็นของปวงชนชาวไทย จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับประชาชนไม่ได้ ท่านเป็นนักกฎหมายมาตลอดชีวิตควรทบทวนคำพูดของท่าน เรื่องนี้ ส.ส.จะเสนอเป็นญัตติเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 269 แยกเป็นสองส่วนคือ 1.ส่วนที่ให้ กกต.สรรหา 200 คนแล้วให้ คสช. เลือก 50 คน สำรอง 50 คน 2.ส่วนที่ให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว. เลือก 400 คนแล้วให้ คสช. เลือก 194 คน กระบวนการตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัด คณะกรรมการสรรหา ส.ว. นั้น คสช.ต้องตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นผู้ที่มีความเป็นกลางทางการเมือง 9-12 คน มีปัญหา เพราะเปิดรายชื่อมาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปดำรงตำแหน่งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ได้อย่างไร ย่อมไม่เป็นกลาง
“การคัดเลือกให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว. ต้องกำหนดวิธีการแล้วจึงจะดำเนินการหาบุคคลได้ แต่เท่าที่ทราบเรื่องนี้ประชุมกันมา 6 ครั้ง 3 ครั้งประชุมเป็นทางการ อีก 3 ครั้งประชุมไม่เป็นทางการเพราะองค์ประชุมไม่ครบ มีครั้งหนึ่งไปประชุมที่มูลนิธิป่ารอยต่อ นั่นใช่สถานที่ราชการหรือ ไม่ การที่ไม่ประชุมตามขั้นตอน จึงไม่มีระเบียบคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ออกมาในราชกิจจาฯ ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ส่วนของ กกต. ตนไม่ท้วงเพราะทำถูก ออกระเบียบมาเกือบ 200 หน้า มี พ.ร.ฎ. แต่ในส่วน 194 คน ไม่มีเลย จึงเรียกร้องให้อัยการสูงสุดตรวจดู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ต้องรับผิดชอบ ท่านบอกเองว่าบ้านเมืองต้องการให้เคารพกฎหมาย ท่านก็ต้องเคารพกฎหมาย การกระทำที่ไม่ชอบตามมาตรา 269 นำมาใช้บังคับมิได้ แต่ผมยังไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ กฎหมายให้มาร้องอัยการสูงสุดก่อน”นายเรืองไกรกล่าว
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ข้อมูลที่มอบให้สื่อจะเป็นประโยชน์ต่อ ส.ส. ใช้อภิปรายด้วย พ.ร.ฎ. กับระเบียบ กกต. มี แต่ทำไมไม่มี พ.ร.ฎ.กับระเบียบในการเลือก ส.ว. 194 คนด้วย เทียบให้เห็นชัดเจน ปฏิบัติเป็นสองมาตรฐาน ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนต้องทำให้เหมือนกัน จึงเรียนต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินการไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยมีคำสั่งให้เพิกถอน 194 ส.ว. ออกไปเสีย เหลือแค่ 56 คน ก็เป็นวุฒิสภาได้ 194 คนก็ไปดำเนินการให้ถูกต้อง ส่วนที่เลือกนายกฯ มา ศาลรัฐธรรมนูญก็ควรวินิจฉัยให้เพิกถอนการคัดเลือกนายกฯ ตามไปด้วย เพราะท่านเคยวินิจฉัยกรณีประธาน กกต. และ ผู้ว่าฯ สตง. มาแล้ว หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้จะยึดเป็นบรรทัดฐานอันเดียวกัน