“ธนาธร” เหน็บสองมาตรฐาน ปมคดีถือหุ้นสื่อ ของ ส.ส.พลังพลังประชารัฐ เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ สกัดสืบทอดอำนาจของคสช. พร้อม “ช่อ” ยังเป็นบุคลากรสำคัญของพรรค
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 มิถุนายน ที่ห้องประชุมสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ ได้จัดงาน Future Walk With me Talk With Me @เชียงใหม่ โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นพูดคุยในหัวข้อ “อนาคตการจัดการเมือง” นอกจากนี้ยังมี นางสาวศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 ของพรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วมงานด้วย
หลังกิจกรรมเสร็จสิ้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นการดำเนินคดีส.ส.ถือหุ้นสื่อ ที่นายธนาธร ใช้เวลาพิจารณาเพียง 7 วัน แต่ในขณะที่ ส.ส.ของฝ่ายที่จัดตั้งรัฐบาลผ่านมา 9 วันแล้วยังไม่มีท่าทีจากศาลรัฐธรรมนูญ นายธนาธร ได้ตอบว่า "พ่อแม่พี่น้องประชาชนคงเห็นแล้วว่า องคาพยพไหนบ้างที่มีส่วนในการผลักดัน การสืบทอดอำนาจของคสช. ผมคงไม่พูดมากไปกว่านี้ ผมว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนเห็นเอง ว่าสองมาตรฐานในสังคมไทยคืออะไร สิ่งที่ผมอยากจะฝากบอกองค์กร ที่มีอำนาจยุติธรรมทุกท่าน อำนาจยุติธรรมเป็นแหล่งพิงสุดท้ายของประชาชน ถ้าผู้ที่ถือหลักความยุติธรรมในสังคมไทยเลือกข้าง ไม่ตัดสินด้วยความเที่ยงตรงเมื่อไหร่ สังคมพังทันที เพราะไม่สามารถมีองค์กรใดๆ ที่จะรักษาศรัทธา ความเชื่อถือด้่านความยุติธรรมได้ สังคมที่ไม่มีความยุติธรรม ย่อมมีแต่ความโกรธแค้นของประชาชน
เมื่อถามต่อถึงประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าของพรรคพลังประชารัฐ นายธนาธร กล่าวว่า นี่กำลังจะครบ 100 วันยังไม่มีรัฐบาลเลย กลไกของรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเช่นนี้ ทำให้กลไกระบบการบริหาร กลไกระบบการเลือกตั้งทั้งหมดมันรวนไปหมด ยกตัวอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นนายกฯของรัฐบาลที่แล้วหรือชุดใหม่ ประชาชนเขาสับสนกันหมดเลย เพราะได้รับการแต่งตั้งโปรดเกล้าฯออกมาแล้ว เป็นนายกฯของรัฐบาลใหม่ แต่ยังไปนั่งร่วมประชุมกับครม.ชุดเก่าอยู่ พี่น้องประชาชนเลยไม่รู้ว่าตกลงเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดไหนกันแน่ นี่คือกฎกติกาที่ออกแบบมา โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ออกแบบมาวัตถุประสงค์เดียวของกติกาการเลือกตั้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็คือ การทำให้คสช.สืบทอดอำนาจได้ มีความจำเป็นที่ประชาชนที่รักความเป็นธรรม ที่รักความก้าวหน้า ต้องลุกขึ้นมารณรงค์ร่วมกัน เพื่อให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับในระยะยาว ตนขอเชิญทุกคนมาทำงานร่วมกัน
ส่วนแนวทางการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร กล่าวว่า เราจะต้องเริ่มที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราก่อนก็ได้ เช่นที่มาตรา 272 และ 279 มาตรา 272 ว่าไว้ด้วยอำนาจของวุฒิสภา เราต่อสู้มานานว่านายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง ต้องมาจากเสียงประชาชน วุฒิสภามาจากการแต่งตั้ง ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชน ดังนั้นต้องไม่มีส่วนร่วมกับการโหวตนายกฯ นี่คือสิ่งที่เราต่อสู้มาตลอด
ฉะนั้นเราจึงเสนอแก้ไขมาตร 272 ในอำนาจของวุฒิสภา และมาตรา 279 เขียนไว้ว่าบรรดาคำสั่ง ประกาศและการกระทำของคสช.ใดๆที่มีอยู่ตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด ทั้งในชาติที่แล้ว ชาตินี้และชาติหน้า ถูกต้องตามกฎหมายไปชั่วกัลปาวสาน ดังนั้นจะทำให้การแก้ไข การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คสช.ทำ จะทำไม่ได้เลยเราต้องแก้ไขมาตรา 279 ด้วย ดังนั้นทาวพรรณอนาคตใหม่ จึงพิจารณาว่าจะเสนอแก้ในรายมาตรา
สำหรับประเด็นที่นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ถูกโจมตีเรื่อง ม.112 นายธนาธร กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไร นางสาวพรรณิการ์ ยังเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของพรรค ไม่มีการลดบทบาทแต่อย่างใด คงไม่สามารถไปห้ามประชาชนคนไหน คนไทยคนใด ให้รักชอบพอใครได้ นั่นเป็นสิทธิพื้นฐานส่วนบุคคล ยืนยันว่านางสาวพรรณิการ์ เป็นบุคลากรสำคัญของพรรคในการสร้างพรรคให้ก้าวเดินไปข้างหน้า
ทางด้านนายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุญาตให้สวมกางเกงขาสั้นเข้าร่วมประชุมสภา จนทำให้ถูกวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ว่าขอขอบคุณทุกคนที่วิจารณ์ ทำให้คนในสังคมเขารู้ว่าก็มีคนพิการอยู่สังคมด้วย และเสียงวิจารณ์ทำให้ตนเข้มแข็งด้วย ไม่ได้ทำให้ตนเป็นคนอ่อนแอ ตนสามารถที่จะยืนหยัดในสังคมได้