หมอแนะ 3 เมนูไล่หวัด ส้มตำ ต้มยำ ผัดกระเพรา
หมอแนะ 3 เมนูไล่หวัด ส้มตำ ต้มยำ ผัดกระเพรา
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า ฤดูฝนกับคนเป็นหวัดมักจะมาคู่กันเสมอ ปัจจัยสำคัญเกิดจาก อากาศที่เย็นชื้น ละอองน้ำปนเชื้อไวรัส (RSV ไรโนไวรัสและพาราอินฟลูเอนซ่า) การสัมผัสผ่านมือที่เปียกชื้น เรื่องของไข้หวัดจัดเป็นโรคน่ารำคาญซึ่งหลายท่านทราบดีถึงการรักษา ส่วนการป้องกันด้วยอาหารนั้นมีแนวทางแบบเวชศาสตร์อายุรวัฒน์อยู่คือเน้นอาหารธรรมชาติอันได้แก่ผักผลไม้และโปรตีนสุขภาพ
นพ.กฤษดา กล่าวว่า เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นจึงขอนำสำรับแบบไทยๆมาแนะนำเพราะทำง่ายหรืออย่างน้อยก็หารับประทานสะดวกบวกราคาไม่แพง หลัก ๆ มีอยู่ 3 เมนู คือ เมนูแรก ส้มตำ มีเครื่องปรุงช่วยต้านหวัดอยู่คือพริกสด มะนาว มะเขือเทศและมะละกอดิบ ทั้งหมดนี้จัดเป็นวัตถุดิบเสริมภูมิแก้หวัดได้ทั้งสิ้น อย่างกินมะละกอดิบก็ให้วิตามินซีถึงราว 62 มิลลิกรัมต่อมะละกอ 1 ขีดซึ่งเท่ากับ 75% ของที่ต้องการต่อวันเลย ไม่เว้นแม้แต่กุ้งแห้งที่หลายคนชอบเคี้ยวก็ยังมีทั้งแคลเซียมและโปรตีนที่เข้าไปรวมกับวิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจนให้หลอดเลือดแข็งแรง ซึ่งในคนที่เป็นหวัดนี้หลายคนมีอาการจามแรงจนเลือดออกจากเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ
เมนูที่สองคือ ต้มยำ ทำให้ถึงเครื่องเพราะอุดมไปด้วยสมุนไพรแก้หวัดในต้มยำ คือ พริก มะนาว ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดอีกทั้งหอมแดงที่จะกินก็ช่วยหรือสูดกลิ่มหอมของต้มยำก็ทำให้โล่งจมูกโล่งคอดีนักแล ลำพังน้ำมะนาวก็ให้วิตามินซีในการช่วยลดระยะเวลาการนอนซมจากหวัดลงได้ นอกจากนั้นในพริกที่ใส่ต้มยำก็ยังมีวิตามินซีเสริมอีก ส่วนใบมะกรูดกับตะไคร้นั้นใช้แก้ไอและลดการอักเสบภายในได้
เมนูที่สามคือ ผัดกะเพรา เลือกเอาใบกะเพราที่สะอาดปราศจากยาฆ่าแมลงมา เพราะว่าใบกะเพรามีฤทธิ์ขับเหงื่อ ขับพิษไข้และใช้ขับเสมหะได้ นอกจากนั้นกะเพรายังมีน้ำมันหอมระเหยอย่าง โอซิมอล,เมทิลชาวิคอลและยูจีนอลที่ช่วยลดอาการไม่สบายท้องเบื่ออาหารได้ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และที่สำคัญคือกะเพราช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารได้จึงช่วยให้คนไม่สบายที่เหม็นเบื่ออาหาร รับประทานได้ดีขึ้น
“สิทธิการิยะ ท่านว่าโภชนาเหล่านี้ถ้าเลือกกินให้เหมาะกับตัวได้จะดี ถ้ามีเจ็บคอก็อย่าให้เผ็ดนักหรือถ้ามีเสมหะมากอาจทำซุปต้มยำไก่ก็จะได้กรดอะมิโน “ซิสเทอีน” มาช่วยละลายเสมหะ หรือจะหา “เห็ด” ต่างๆมาใส่แทนถ้าไม่อยากกินเนื้อสัตว์ก็ดีไม่น้อย โดยเฉพาะ “เห็ดนางฟ้า” ที่มีวิตามินซีและแร่ธาตุซีลีเนียมสูง” นพ. กฤษดา กล่าว