'ป่าแก่งกระจาน' ชวดขึ้นมรดกโลก รอยื่นใหม่ปี63
"ป่าแก่งกระจาน"ชวดขึ้นมรดกโลก รอยื่นใหม่ปี63
ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ของยูเนสโก มีมติไม่รับรองขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานของไทยเป็นมรดกโลกปีนี้ และให้กลับไปทำเอกสารเพิ่มเติมและส่งกลับมาพิจารณาใหม่ปี 2563 ปมปัญหากลุ่มชาติพันธุ์
วันนี้ (7 ก.ค.2562) เมื่อเวลา 19.40 น.ตามเวลาประเทศไทย ที่ประชุมมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ได้บรรจุวาระการพิจารณากลุ่มป่าแก่งกระจาน เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถพิจารณาได้ จนต้องคณะทำงาน 6 ประเทศจากกรรมการรัฐภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลก 21 คือ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นอร์เวย์ คิวบา ตูนิเซีย และคูเวต ไปหารือในรายละเอียดร่วมกันว่าจะให้กลุ่มป่าแก่งกระจานของไทยขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกหนึ่งแห่งในปีนี้หรือไม่ โดยที่ประชุมมีมติไม่รับรองขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปีนี้ และให้กลับไปทำเอกสารเพิ่มเติมและส่งกลับมาพิจารณาใหม่ปี 2563”
ก่อนหน้านี้ตลอด 3 วันนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และคณะเจ้าหน้าที่ไทย ได้พยายามชี้แจงข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เนื่องจากยังข้อกังวลของออสเตรเลียที่เป็น 1 ใน 6 ประเทศที่เข้ามาเป็นคณะทำงานพิจารณาหาข้อสรุปกลุ่มป่าแก่งกระจาน ทั้งนี้แม้ว่าทางการไทยจะยืนยันเรื่องงการปักปันเขตแดนไทย-เมียนมาที่จะไม่กระทบกับเมียนมาแล้วก็ตาม
มีรายงานว่าเสียงที่แตกออกถึงขั้นให้ตีตกการพิจารณาขึ้นทะเบียนแก่งกระจานออกไปวาระการพิจารณา ขณะที่บางกลุ่มยังคงเห็นว่าควรให้คงสถานะไว้ก่อน เพื่อยกระดับการจัดทำเอกสารและรายงานเพิ่มเติมมาเสนอใหม่
สำหรับกลุ่มป่าแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ราชบุรี เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าแม่น้ำภาชี รวมพื้นที่ 2,938,909.84 ไร่ ซึ่งไทยผลักดันขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 มาตั้งแต่ปี 2553