บุกรวบผัว-เมียแสบ13หมายจับ ตุ๋นชาวบ้านไปทำงานเกาหลีใต้
ตำรวจกองปราบ บุกรวบผัว-เมียจอมแสบ หลอกตุ๋นแรงงานไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้ เหยื่อหลายรายหลงเชื่อสูญเงินกว่า 2 ล้าน ตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับคดีฉ้อโกงรวม 13 หมายจับ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม 2526 พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วยพ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป และตำรวจกก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.พรทิพย์ หรือ พรพิส หรือ สา ปัดตายะสา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ 29/2562 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2562 และนายตะวัน หมอนทอง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ 28/2562 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2562 สองสามีภรรยาที่หลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้รับผลตอบแทนเป็นเงินเดือนสูง มูลค่าความเสียหาย 2 ล้านบาท โดยจับกุมได้ริมถนนสาธารณะ ต.ฟากท่า อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 5 ก.ค.62
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายกว่า 10 คน รวมตัวในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และจ.ชัยภูมิ เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา เรื่องการหลอกลวงให้ไปทำงานด้านเกษตรกรรมที่ประเทศเกาหลี มีความเสียหายมูลค่า 2 ล้านบาท หลังรับเรื่องทางกองบังคับการปราปราม นำโดย พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. เห็นว่าความเดือดร้อนของประชาชนที่มาร้องเรียนมานั้น เป็นความเดือดร้อนที่เกิดจากพวกมิจฉาชีพที่กระทำความผิดต่อเนื่อง ไม่เข็ดหลาบ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงมอบหมายให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. รับผิดชอบดำเนินการสืบสวนจับกุม เน้นการสืบสวนในเชิงลึกถึงพฤติกรรมการกระทำความผิดครั้งก่อน เพื่อให้ตัวผู้กระทำความผิดได้รับการลงโทษจนเข็ดหลาบไม่กลับมากระทำความผิดซ้ำ
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า โดยเมื่อปี 2560 ผู้เสียหายได้รู้จักกับ น.ส.พรทิพย์ นายตะวัน สองสามีภรรยา อ้างว่า สามารถช่วยให้ไปทำงานเกี่ยวกับการเกษตรที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยไม่ต้องตรวจโรค และจะได้รับเงินเดือนค่าจ้างเดือนละ 40,000-60,000 บาทต่อคน ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเอกสารคนละ 50,000 บาท ประกอบกับน.ส.พรทิพย์ อ้างว่าเคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลี มา 2-3 ปี จึงรู้ช่องทางนำมาหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ว่าน.ส.พรทิพย์เคยไปทำงานจริง ยืนยันสามารถทำงานได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อถือว่าน.ส.พรทิพย์เคยทำงานมาแล้ว สามารถทำงานแบบนี้ได้โดยไม่ต้องตรวจร่างกาย หรือมีวุฒิการศึกษา จึงโอนเงินให้กับน.ส.พรทิพย์ เพื่อนำไปจ่ายในดำเนินการต่างๆ แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้วหลายเดือนก็ยังไม่มีผู้เสียหายรายใด ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ และเมื่อเหยื่อสอบถามไปยังน.ส.พรทิพย์ ก็ได้แต่บ่ายเบี่ยง จนถึงปี 2561 ผู้เสียหายทราบแน่ๆ ว่าถูกหลอก จึงได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับ น.ส.พรทิพย์ และนายตะวัน รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่าน.ส.พรทิพย์ มีหมายจับคดีฉ้อโกงติดตัวอีก 9 หมายจับ ส่วนนายตะวัน มีหมายจับคดีฉ้อโกงติดตัวอีก 2 หมาย รวมแล้วทั้งสองสามีภรรยามีหมายจับ 13 หมายจับ ซึ่งล้วนแต่เป็นคดีฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยน.ส.พรทิพย์ จะทำหน้าที่หลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีของนายตะวัน ทั้งสองอ้างว่านำเงินที่หลอกลวงได้ไปใช้จ่ายส่วนตัว และนำไปให้คนรู้จักที่อยู่ในประเทศเกาหลี ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ก.ค.62 ตำรวจสืบทราบว่า น.ส.พรทิพย์และ นายตะวัน ได้หลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ จึงได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ เข้าจับกุม น.ส.พรทิพย์และนายตะวันได้ดังกล่าว
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางและหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานให้ทำในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังกล่าวได้ไปซึ่งเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง กับน.ส.พรทิพย์ ส่วนนายตะวันแจ้งข้อหาร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางและหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานให้ทำในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังกล่าวได้ไปซึ่งเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประทาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป