พล.อ.สนธิ เปิดใจสื่อนอก รับ ‘รัฐประหาร’ ยังจำเป็น
"สนธิ บุญยรัตกลิน" ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น รับการรัฐประหารยังเป็นเครื่องมือที่จำเป็น สำหรับแก้ไขประชาธิปไตยที่ "ยังไม่สมบูรณ์" ของไทย
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งยึดอำนาจรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียน รีวิวว่า ประชาธิปไตยของไทยแตกต่างจากประชาธิปไตยของสหรัฐ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น หรือประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย
นอกจากนั้น พล.อ.สนธิ ระบุว่า ประเทศไทยเกิดการรัฐประหารมาหลายครั้งจนถึงทุกวันนี้ เพราะกองทัพจำเป็นต้องเข้ามาแก้ปัญหาการเมืองแบบไทย ๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์
“ประเทศไทยมีคนจนจำนวนมาก และคนรวยก็มักเอาเปรียบคนจน นักการเมืองซึ่งเข้ามามีอำนาจด้วยการทุ่มเงิน พยายามถอนทุนคืน” อดีตผู้บัญชาการทหารบกกล่าว และบอกว่า เมื่อปี 2549 บ้านเมืองเกิดความแตกแยก ฝ่ายหนึ่งนิยมนายทักษิณ อีกฝ่ายหนึ่งต่อต้านนายทักษิณ ประชาชนร้องขอให้ทหารเข้าแทรกแซง การยึดอำนาจจะเกิดขึ้นไม่ได้หากประชาชนไม่สนับสนุน
“กองทัพของไทยมีหน้าที่ 4 อย่าง คือ ปกป้องประเทศชาติ รักษาความสงบในสังคม ให้การช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ และปกป้องราชบัลลังก์” พล.อ.สนธิระบุ "ทุกวันนี้ พวกหัวเอียงซ้ายมีอยู่มากมาย คนพวกนี้ไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คนจำนวนมากยังคงต้องการประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"
เมื่อกองทัพคิดว่าประชาธิปไตยไทยจำเป็นต้องมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข กองทัพจึงต้องยึดอำนาจเพื่อปกป้องสถาบัน
นอกจากนั้น อดีตหัวหน้า คมช. ยังแนะนำให้รัฐบาลชุดใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการช่วยให้คนไทยรากหญ้ากลายเป็นชนชั้นกลางมากขึ้น และเชื่อว่า ประชาธิปไตยจะเห็นผลก็ต่อเมื่อคนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นชนชั้นกลาง
“พวกหัวเอียงซ้ายหาเสียงในหมู่คนยากจนและไร้การศึกษา ซึ่งรัฐบาลในอดีตไม่ค่อยได้ดูแลประชาชนกลุ่มนี้ รัฐบาลชุดใหม่ต้องดูแลคนยากจน และต้องช่วยให้คนยากจนมีกินมีใช้”
พล.อ.สนธิ เสริมว่า หากรัฐบาลในอนาคตไม่สามารถแก้ปัญหาทุจริตหรือปัญหาความแตกแยกได้ หากประชาชนไม่มีความสุขและต้องการการเปลี่ยนแปลง ก็จะเกิดการรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง