ร้องกองปราบ โวยถูกผู้เช่าที่ดินเบี้ยวสัญญา แถมยังเปิดซาวน์น่าค้ากาม
ทนายดังนำเจ้าทุกข์ร้อง "กองปราบ" โวยถูกผู้เช่าที่ดินเบี้ยวสัญญา แถมยังเปิดซาวน์น่าค้ากาม สงสัย "จนท.รัฐ" มีเอี่ยว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ก.ค. 2562 ที่กองบังคับการกองปราบปราม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ได้นำลูกความนายนรุตม์ อายุ 33 ปี ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ นายแกละ (นามสมมติ) เจ้าของซาวน์น่าแห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง ในข้อหาต่อเติมอาคารและใช้อาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต , เปิดสถานประกอบกิจการ (บริการนวด ซาวน์น่า) ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยใบอนุญาตสิ้นสุด บังหน้าแล้วให้พนักงานค้าประเวณี และเปิดบ่อนการพนันโดยผิดกฎหมาย ต่อผู้บังคับการกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า การเดินทางเข้าแจ้งความในครั้งนี้ เนื่องจากลูกความคือ นายนรุตม์ และนายเจ็งซิก เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดแห่งหนึ่ง บริเวณถนนสามเสนนอก (สามเสนนอกฝั่งเหนือ) เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยมีเนื้อที่ 2-3-09 ไร่ ซึ่งนายนรุตม์ ได้รับสิทธิเก็บค่าเช่าตลอดชีวิตจากนายเจ็งซิกฯ แต่เพียงผู้เดียว และที่ดินบางส่วนประมาณ 89 ตารางวา ซึ่งข้าพเจ้าได้แบ่งให้บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เช่าเป็นเวลา 6 ปี เปิดเป็นร้านสะดวกซื้อ
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 นายเจ็งซิก และนรุตม์ กับนายแกละ (นามสมมติ) ได้ตกลงทำสัญญาเช่าที่ดิน เนื้อที่ 2-1-0 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง คือบ้านเลขที่ 999/242 ถนนประชาอุทิศ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อเปิดเป็นสถานบริการนวดแผนโบราณ ซาวน์น่า และสถานออกกำลังกาย โดยมีกำหนดระยะเวลาที่ 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2560 ถึงวันที่ 5 กันยายน 2561 ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 400,000 บาท (สี่แสนบาท)
ระหว่างการเช่าปรากฎว่า นายแกละ ได้ทำผิดสัญญาเช่า โดยนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปใช้กระทำความผิดกฎหมาย และค้างชำระค่าเช่ามาโดยตลอด และเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า คือ วันที่ 5 กันยายน 2561 นายแกละและบริวาร ไม่ยอมออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เช่า ดังนั้น ในวันที่ 12 ตุลาคม 2561 ตนและนายเจ็งซิกฯ จึงได้ฟ้องร้องดำเนินคดีนายแกละ เป็นคดีผู้บริโภค ต่อศาลแพ่งธนบุรี ข้อหาผิดสัญญา ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย ซึ่งขณะนี้คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลแพ่งธนบุรี
เพราะฉะนั้น การที่นายวิวัฒนาฯ อยู่ในที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างของตนและนายเจ็งซิกฯ จึงเป็นการอยู่โดยละเมิดต่อกฎหมาย ในระหว่างที่นายแกละ เช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ตนพบว่า นายแกละได้กระทำผิดกฎหมายหลายประการ ทั้งต่อเติมอาคารสถานที่เช่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานเขตห้วยขวาง และตนได้ร้องเรียนให้ตรวจสอบใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง แก้ไขเพิ่มเติมโครงสร้างอาคาร ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร จากนั้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 จึงร้องเรียนขอให้ตรวจสอบใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง แก้ไขเพิ่มเติมโครงสร้างอาคาร ต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องผู้มีอิทธิพลเก็บค่าที่จอดรถ ซึ่งเกี่ยวกับการส่งส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางนั้น เรื่องนี้เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ตนได้ร้องเรียนไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย เรียนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขอให้ตรวจสอบกลุ่มผู้มีอิทธิพลเขตห้วยขวางเก็บค่าบริการที่จอดรถและปิดทางเข้าออก จากนั้นได้ร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม เรื่อง ขอให้ตรวจสอบกลุ่มผู้มีอิทธิพลเขตห้วยขวางเก็บค่าบริการที่จอดรถและปิดทางเข้าออกอีกด้วย
ส่วนเรื่องการค้ามนุษย์ ค้าประเวณี และเปิดบ่อนการพนัน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 ได้ร้องเรียนเรื่อง กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่รู้จักกว้างขวางในเขตห้วยขวาง สถานบริการไม่มีใบอนุญาต ตั้งใกล้สถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติ บ่อนการพนันเป็นที่รู้จักในเขตห้วยขวาง เปิดผับเกินเวลา ต่อกรมการปกครอง และยังได้ร้องเรียนไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กรุงเทพมหานคร ร้องทุกข์ทางอินเตอร์เน็ต เลขที่ 190200602 เรื่อง ขอร้องเรียนเรื่อง สถานบริการซาวน์น่า ปล่อยน้ำเสียจากสถานบริการลงสู่ถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อาศัยข้างเคียง และด้านข้างสถานบริการที่ปล่อยน้ำเสียมีการดัดแปลงสถานบริการผิดประเภท และมีการลักลอบค้าประเวณีและมีการเล่นการพนันกับเปิดสถานบริการบาร์เกย์
อีกทั้งยังได้ทำหนังสือร้องเรียน หรือร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมการปกครอง เกี่ยวกับการที่นายแกละ เปิดสถานบริการ ซาวน์น่า ออกกำลังกาย ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในเขตห้วยขวาง เปิดสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต ตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติ มากมาย เปิดบ่อนการพนันเป็นที่รู้จักในเขตห้วยขวาง เปิดผับเกินเวลา ส่งเสียงรบกวนจากเสียงเพลง เสียงรถยนต์ อันเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ
แต่ปรากฎว่า กรมการปกครองได้มีหนังสือไปยังผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เข้าไปตรวจสอบการตรวจสอบการร้องเรียนของข้าพเจ้าแล้ว กลับกลายเป็นคนละเรื่อง โดยรายงานผลการดำเนินการว่า “เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม (แต่งกายนอกเครื่องแบบ) ของสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ได้เข้าทำการสืบสวนและตรวจสอบ ร้านซาวน์น่าดังกล่าว ปรากฎว่ามีส่วนที่ให้บริการลูกค้าอยู่ 3 ส่วน (ในบริเวณรั้วเดียวกัน) ดังนี้ ส่วนที่ให้บริการนวดแผนไทย ได้เข้าตรวจสอบ พบว่าเปิดให้บริการลูกค้าอยู่ จึงได้ให้สายลับเข้าไปใช้บริการ โดยคิดค่าบริการชั่วโมงละ 100 บาท จึงได้ให้สายลับล่อซื้อบริการค้าประเวณี แต่ผู้ให้บริการได้ปฏิเสธว่า ไม่มีการให้บริการค้าประเวณีดังกล่าวแต่อย่างใด จึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบใบอนุญาต พบมีใบอนุญาตประกอบกิจการให้ นายแกละ ประกอบกิจการ นวดเพื่อสุขภาพ โดยใบอนุญาตให้ใช้จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2562” และพบว่ามีการลักลอบเล่นการพนัน ได้ผู้ต้องหาจำนวน 4 คน ไพ่ 1 สำรับ เงินสด 80 บาท
อย่างไรก็ตาม การเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ทางผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ที่เข้าไปตรวจสอบกลับเชื่อเช่นนั้น โดยยุติการสืบสวนสอบสวน ย่อมไม่ใช่วิสัยของเจ้าพนักงานตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชน ดังนั้น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังกรุงเทพมหานครผ่านระบบอินเตอร์เน็ตโดยร้องเรียนว่า ขอร้องเรียนเรื่อง สถานบริการซาวน์น่า ปล่อยน้ำเสียจากสถานบริการลงสู่ถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อาศัยข้างเคียง และด้านข้างสถานบริการที่ปล่อยน้ำเสียพิการดัดแปลงสถานบริการผิดประเภท และมีการลักลอบค้าประเวณีและมีการเล่นการพนันกับเปิดสถานบริการบาร์เกย์ แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลและสนใจจากกรุงเทพมหานคร และเขตห้วยขวางแต่อย่างใด และเรื่องก็เงียบหายไป
ทั้งนี้ จากการร้องเรียน และไม่ได้รับการตอบสนองจากหน่วยราชการ ไม่ว่าจะเป็นกรมการปกครอง กรุงเทพมหานคร เขตห้วยขวาง สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง แต่อย่างใด กลับปรากฎว่า นายแกละยังคงเปิดให้บริการสถานบริการนวดซาวน์น่า แฝงด้วยการค้าประเวณีจนถึงปัจจุบัน และยังคงเปิดให้บริการอย่างเป็นปกติ โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย อันน่าเคลือบแคลงสงสัยว่า นายแกละจะกระทำการผิดกฎหมายดังกล่าวได้อย่างไร หากไม่มีหน่วยงานของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ หน่วยงานของรัฐเหล่านั้นได้แก่ เขตห้วยขวาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ด้วยเหตุนี้ จึงหมดหนทางไม่รู้จะไปพึ่งหน่วยงานใด จึงจำเป็นได้ไปร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรม
กระทั่งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 สื่อมวลชนสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ได้ทำการล่อซื้อบริการทางเพศกับพนักงานซาวน์น่าแห่งนี้ โดยมีรายละเอียดว่า “ถ้านวดอย่างเดียว พร้อมห้องวีไอพี คิดราคา 620 บาท ถ้านวดและมีการร่วมเพศด้วยคิดเพิ่มอีก 1,500 บาท ถ้าใช้มือ 500 บาท ถ้าขอร่วมเพศเพิ่มอีก 1 ครั้ง คิดเพิ่มอีก 1,000 บาท
นอกจากนี้ ยังพูดถึงการแบ่งรายได้ให้กับสถานบริการซาวน์น่า อีกด้วยว่า หากผู้ใช้บริการใช้บริการมีรายได้ ต่ำกว่า 1,000 บาท ทางซาวน์น่า จะได้ค่าห้องและนวด 620 บาท เท่านั้น หากพนักงานบริการทำรายได้เกิน 1,000 บาท ขึ้นไป ทางซาวน์น่า จะได้ส่วนแบ่งจำนวน 600 บาท ซึ่งในวันดังกล่าวเห็นนายแกละ อยู่ในบริเวณซาวน์น่าดังกล่าวด้วย และจากคลิปวีดีโอและบันทึกการถอดเทป จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นายแกละ ซึ่งเป็นเจ้าของซาวน์น่า กระทำความผิดกฏหมายหลายข้อ หลายกระทงดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่มีการล่อซื้อขายบริการทางเพศกับพนักงานนวดของซาวน์น่าแล้ว ในวันที่ 10-11 กรกฎาคม 2562 สื่อมวลชนยังได้นำเสนอข่าวนี้ออกสู่สายตาประชาชน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลห้วยขวาง เดินทางไปตรวจสอบและสั่งปิด ซาวน์น่าแบบทางวาจา แต่ภายในเย็นวันเดียวกัน ทางซาวน์น่าแห่งนี้ ก็กลับมาเปิดให้บริการเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ในวันที่มีการสั่งปิดสถานบริการเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งภาพถ่ายที่ปรากฎรูปภาพนายแกละ ถ่ายภาพร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 นาย ระดับนายตำรวจยศพันตำรวจตรี 1 นาย ร้อยตำรวจเอก 1 นาย นายดาบ 2 นาย มาให้กับสื่อมวลชน เพื่อลวงสื่อมวลชนให้ออกข่าวว่า ได้มีการสั่งปิดสถานบริการดังกล่าวแล้ว