รอง ผบตร.เยี่ยม 'หมวดเบนซ์' หลังถูกเสี่ยบีเอ็มขับรถชน

จากกรณีที่โลกโซเชียลแชร์คลิป รถเก๋ง BMW รุ่น 525 i สีขาว ทะเบียน 1 กน-2811 กทม. ที่นายเอกราช ชูใหม่ ขับออกมาจากช่องจ่ายเงิน บริเวณด่านเก็บเงินธัญบุรี ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี ร.ต.ท.จิตต์เกษม จันทร์รัก หรือ หมวดเบนซ์ ผู้บังคับหมวด สบ.1 กองร้อยที่2 กองกำกับการอารักขา1 กองบังคับการอารักขาควบคุมฝูงชน เจ้าของรถยนต์ฟอร์ดสีขาว ทะเบียน ขค 5518 นครราชสีมา เกาะอยู่ที่ฝากระโปรงรถบีเอ็ม ก่อนถูกสะบัดกระเด็นไปกองกับพื้นได้รับบาดเจ็บหนัก โดยก่อนเกิดเหตุ ทั้งคู่ต่างได้ขับรถตีประกบกันมา กระทั่งต่างฝ่ายต่างแจ้งความดำเนินคดี

ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ รพ.ตำรวจ เมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 21 กรกฎาคม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจและมอบกระเช้ารังนกต่อหมวดเบนซ์ พร้อมสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนเดินทางไปทำแผนจำลองเหตุการณ์ยังจุดเกิดเหตุด่านธัญญะ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกราช คู่กรณีได้ส่งตัวแทนนำกระเช้าดอกไม้พร้อมเขียนข้อความขอโทษ และเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมยินดีพูดคุยเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างให้ข้อมูลว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก โดยตนได้สอบถามเรื่องราวกับหมวดเบนซ์แล้ว ต่อจากนี้ตนจะลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนไปเร่งรัดสำนวนการสอบสวนในทุกมิติ ทั้งด้านนิติวิทยาศาสตร์และหลักฐานกล้องวงจรปิด ส่วนเรื่องคดีความ นายเอกราช ถูกแจ้งดำเนินคดี 4 ข้อหา คือ “พยายามฆ่า”,”ขับรถประมาททำให้เกิดอันตรายแก่กายและทรัพย์ผู้อื่น”,”ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยผู้อื่น”,”หลบหนี ไม่ให้ความช่วยเหลือ” โดยผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา และให้การปฏิเสธ ก็จะตรวจสอบรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายความผิดใดอีกหรือไม่ ยืนยันจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย คงใช้เวลาอีกไม่นาน

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อ ส่วนอาการหมวดเบนซ์ สอบถามแพทย์ทราบว่าเข้าข่ายอาการบาดเจ็บสาหัสจากการถูกรถชน จนกระดูกไหล่ซ้ายแตกละเอียด และขาหัก โดยเมื่อวานนี้ได้ผ่าตัดใส่เหล็กดามไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีแผลถลอกบริเวณใบหน้า และบาดแผลตามร่างกายซีกซ้ายที่เกิดจากการถูพื้นถนน แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด

ร.ต.ท.จิตต์เกษม กล่าวยืนยันว่า ในขณะเกิดเหตุไม่ได้ขับรถเฉี่ยวชนกัน จากนั้นเมื่อถึงที่ด่านเก็บเงิน ตนลงจากรถไปโดยไม่ได้นำอาวุธลงไปทั้งสิ้น มือข้างหนึ่งเป็นมือเปล่า อีกข้างถือโทรศัพท์มือถือ และเนื่องจากสังกัดที่ตนประจำ เป็นหน่วยอารักขาจึงไม่สามารถพกพาอาวุธได้