'สุเทพ' ไม่หวั่นพร้อมสู้คดี ป.ป.ช.ชี้มูลโครงการสร้างโรงพักตำรวจ
"สุเทพ" อดีตรองนายกฯ ออกตัวไม่คิดหนี ตั้งหลักสู้พิสูจน์ศักดิ์ศรี-ความจริงชั้นศาล ปลงไม่ติดใจกลุ่มเก่า-กลุ่มใหม่ใครคิดร้าย อ้างเคยมีคนกระซิบให้วิงวอนผู้มีอำนาจ ยันไม่ขอความเมตตาใคร
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.62 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ภายหลังเสร็จสิ้นร่วมกระบวนการสืบพยานโจทก์คดีถูกฟ้องร่วมแกนนำ กปปส. 32 ราย กบฏแล้ว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กรณีที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสุเทพ ขณะดำรงตำแหน่งอดีตรองนายกฯ ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วงปี 2552-2553 และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กรณีอนุมติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (โรงพัก) ทดแทน 396 แห่ง วงเงินกว่า 5.8 พันล้านบาท ว่า ตนยังไม่ได้รับแจ้งความเห็นดังกล่าว จากป.ป.ช.อย่างเป็นทางการว่าชี้มูลความผิดเรื่องอะไร เพียงได้แต่อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ขณะนี้ตนจึงยังไม่ทราบเนื้อหารายละเอียด ต้องขอให้ได้รับแจ้งจากป.ป.ช.อย่างชัดเจนเสียก่อนแล้วตนจะชี้แจงในแต่ละประเด็นตามข้อกล่าวหา
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน จำเป็นที่จะต้องมีคำอธิบายต่อประชาชน ตนขอเรียนว่ากรณีเรื่องการก่อสร้างสถานีตำรวจแล้วไม่เสร็จได้มีการหยิบยกมาเป็นประเด็นทางการเมืองกล่าวหาโจมตีตนมานานหลายปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ช่วงที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีกล่าวหาตน คือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งตนได้ฟ้องดำเนินคดีอาญากับนายธาริต ปัจจุบันถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก
กระบวนการที่จะพยายามดำเนินคดีกับตนนั้นยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง เฉพาะคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช.ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเป็นเวลา 5 ปีเศษซึ่งนานมากเป็นประวัติศาสตร์ และเมื่อ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลมาก็เป็นโอกาสที่จะได้นำความจริงทั้งหมดไปพิสูจน์กันตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคดีนี้คงใช้เวลาไม่นานเพราะคดีต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนที่มีใจเมตตาต่อตนเองมาโดยตลอดว่าขอให้อดทนสักพัก อีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏขึ้นในการต่อสู้คดีในศาลฎีกาฯ
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คนที่คิดร้ายกับตนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเก่าหรือกลุ่มใหม่ ตนไม่ติดใจอะไร และขอเรียนสื่อมวลชนให้ระมัดระวังรอบคอบในการนำเสนอข่าวเพราะตนได้ตรวจดูข่าวที่ลงในวันนี้แล้ว มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจจะจำเป็นต้องใช้สิทธิทางกฎหมาย
ก็ได้แต่ปลง เพราะว่าก่อนหน้านี้มีคนพยายามให้ไปกราบไหว้วิงวอนจากใครบางคน ผมก็มาคิดว่าทำงานการเมืองมาตลอดก็มีศักดิ์ศรี ผมไม่ใช่สุนัข เพราะฉะนั้นผมตั้งใจอย่างเดียวว่าถ้าเพื่อประชาชนแล้วจะให้ผมทำอะไรก็ทำได้แต่ว่าจะไปขอความเมตตาจากคนที่คิดว่ามีอำนาจผมไม่ทำ แต่ผมเลือกที่จะพิสูจน์ศักดิ์ศรีด้วยการนำความจริงทั้งหมดไปสู้คดีในศาลฎีกาฯ จะไม่หลบหนีไปไหน เตรียมตัวที่จะสู้คดี เพราะฉะนั้นใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็แล้วแต่ ขอเรียนชี้แจงเพียงเท่านี้ เวลาอีกไม่นานก็จะรู้ความจริง นายสุเทพ ย้ำ