การเงิน
สแตนชาร์ดมองศก.ไทยเสี่ยงเพิ่มทั้งใน-นอก ฉุดจีดีพีเหลือ3.3%ปีนี้ แนะจับตา10ปัจจัยชี้นำศก.
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเพิ่มทั้งปัจจัยในและนอกประเทศ ส่งผลปรับมุมมองจีดีพีต่ำลงเหลือ 3.3% จาก 4% หลังมีความเสี่ยงส่งออก ท่องเที่ยว สินเชื่อรถยนต์ หนี้ครัวเรือนเร่งตัวขึ้น แนะจับตา10ปัจจัยมีผลต่อศก.ไทยระยะข้างหน้า
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด์(ไทย)กล่าวว่า มี10ปัจจัยสำคัญที่ชี้นำเศรษฐกิจไทยปีนี้ และปีหน้า โดยข้อแรก มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งและในต่างประเทศ ทำให้สแตนดาร์ดปรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ลดลงเหลือ 3.3% จากเดิมที่คาด ขยายตัว 4% หลังมีความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และสินเชื่อรถยนต์ที่คาดชะลอตัว บวกกับหนี้ครัวเรือนที่เป็นความเสี่ยงมากขึ้น
2.คาดเห็นการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐครึ่งปีหลัง 8หมื่นล้านบาท ถึง 1แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องติดตามนโยบายภาครัฐกระยะกลางยาว เช่นการขึ้นค่าแรง และการปรับลดภาษี
3.การปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของไทย โดยมูดี้ส์ปรับมุมมองไทยเป็นเชิงบวกมากขึ้น จากเดิมที่มองว่ามีเสถียรภาพ หลังภาครัฐมีความชัดเจน แต่ต้องจับตาระยะข้างหน้า ว่าจะมีการปรับเรตติ้งประเทศเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
4.มองค่าเงินบาทระยะสั้น ในไตรมาส 3 คาดแข็งค่า โดยให้กรอบ 30.50-31.00 บาทต่อดอลลาร์ จากเงินไหลเข้าที่จะเห็นต่อเนื่อง ทั้งจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ทำให้เห็นเงินไหลเข้าบอนด์ไทยระยะสั้น ระยะยาว และหุ้นเพิ่มขึ้น
5.จับตามาตรการดูแลค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่าจะมีเพิ่มขึ้นหรือไม่ และมีประสิทธิภาพที่จะทำให้บาทอ่อนค่าได้หรือไม่ 6.คาดค่าเงินบาทปีหน้า มีโอกาสอ่อนค่าไปที่ระดับ 33บาทต่อดอลลาร์หลังคาดภาครัฐ จะมีการนำเข้าสู่ปีหน้า หนุนให้ดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลการค้า ขาดดุลน้อยลง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้
7.คาดเริ่มเห็น คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)เริ่มเสียงแตกในการประชุมรอบ ส.ค. ให้มีการปรับลดดอกเบี้ย แต่คาด ดอกเบี้ยไทยน่าจะคงต่อเนื่อง ถึงสิ้นปีหน้า 8. คาดหากภาพรวมเศรษฐกิจไทยดีขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพคาด มีโอกาสที่กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2% เพื่อสกัดการก่อหนี้ครัวเรือน 9. คาดธปท.มีโอกาสปรับกรอบเงินเฟ้อต่ำลง หลังเงินเฟ้อทั่วโลกปรับลดลงต่อเนื่อง 10.จับตาเสถียรภาพรัฐบาลปีหน้า ว่ามีเสถียรภาพหรือไม่ จากการที่เป็นรัฐบาลจากพรรคร่วม20พรรค