กองปราบฯขยายผลรวบสามีแก๊งต้มตุ๋นหลอกคนแก่ขอข้าวกิน ก่อนเข้าลักทรัพย์ในบ้าน พบแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจนคอยสังเกตุการณ์ในรถ ตร.ขยายผล นำเงิน-ทรัพย์สินคืนผู้เสียหาย
วันที่ 1 สิงหาคม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., ได้สั่งการให้พ.ต.ท.ประทีป ชูศรี, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ต.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภจว.อุทัยธานี ประกอบด้วย พ.ต.ต.สิทธินันท์ วิสุทธิ์ สว.สส.ภจว.อุทัยธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จับกุมนายสนอง ไวเชิงค้า อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ จ.187/2562 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ข้อหา“ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.ธวัลกร แคฝอย ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ได้ก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้าน โดยการใช้รถกระบะและนำรถจักรยานยนต์ของตนขึ้นท้ายกระบะเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานเพื่อก่อเหตุ โดยการขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในหมู่บ้าน ชุมชม หรือที่พักอาศัย เมื่อเห็นเป้าหมายเป็นคนแก่สูงอายุ ได้เข้าไปซักถามบอกว่ารู้จักกับลูกหรือคนในบ้านของเหยื่อหลังจากนั้นหลอกให้เหยื่อไปเก็บผักหลังบ้าน หรือไปทำกับข้าวให้กิน หรือหลอกให้ไปทำสิ่งอื่นใด ซึ่งอยู่ภายนอกบ้าน พอสบโอกาสและได้จังหวะ ก็เข้าไปค้นหาทรัพย์สินของมีค่าของเหยื่อผู้สูงอายุเหล่านั้น ทำให้ผู้สูงอายุหลายท่านสิ้นเนื้อประดาตัวเนื่องจากเก็บเงินมาทั้งชีวิต
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ได้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พบว่า น.ส.ธวัลกร ไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว จึงเข้าไปตรวจค้นบ้านของ น.ส.ธวัลกร พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายรายการ จึงขอหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย คือ นายสนอง ไวเชิงค้า สามีน.ส.ธวัลกร ซึ่งถูกจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา โดยนายสนองจะขับรถตระเวนพื้นที่ภาคอีสาน โดยให้น.ส.ธวัลกรเข้าไปก่อเหตุ ส่วนนายสนองจะนั่งรออยู่ในรถยนต์คอยสังเกตุการณ์ เมื่อก่อเหตุเสร็จจะพากันขับรถหลบหนี โดยจะตระเวนก่อเหตุไปเรื่อย ๆ เมื่อได้เงินมาจะนำมาใช้จ่ายส่วนตัว โดยการกระทำมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน และมีการวางแผนในการก่อเหตุกันเป็นขั้นตอน เป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อาจนำไปสู่ความผิดมูลฐานการฟอกเงิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. จะทำการสืบสวนขยายผลติดตาม เพื่อนำเงินและทรัพย์สินมาคืนให้กับตายายผู้เสียหายต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามกองปราบปราม จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างตนเป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนของคนในบ้าน จะแสดงความสนิทสนม และขอเข้าบ้าน และแอบขโมยทรัพย์สินเงินทอง