แนะบันได 10 ขั้น เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กทารกและเด็กป่วย
สถาบันสุขภาพเด็กฯ แนะบันได 10 ขั้น เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กทารกและเด็กป่วย
นายแพทย์ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า น้ำนมแม่เป็นยาที่คุ้มกันสารพัดโรค มีผลต่อพัฒนาการของสมอง ลดการติดเชื้อในเด็กป่วย ลดอัตราการเสียชีวิตจากอุจจาระร่วง ลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง และลดความรุนแรงของอาการป่วยด้วยโรคหลอดลมฝอยอักเสบที่เกิดจากไวรัส RSV จึงควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน และหลัง 6 เดือนให้กินนมแม่ควบคู่กับอาหารตามวัยจนอายุ ครบ 2 ปี อย่างไรก็ตามเด็กทารกและเด็กแรกเกิดที่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล มีโอกาสถูกแยกแม่-ลูก หรือถูกสั่งให้งดนมแม่ด้วยเหตุผลต่างๆ ทำให้ขาดโอกาสที่จะได้รับน้ำนมแม่ ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณค่าและมีความสำคัญที่สุดในชีวิต จึงควรสนับสนุนและหาวิธีที่จะช่วยให้แม่ได้มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูและรักษาลูกร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ด้วยน้ำนม เมื่อเด็กทารกหรือเด็กป่วย แม่จะต้องปรับตัวและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลูก ตั้งแต่เด็กเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจนแข็งแรงกลับบ้านได้ และแม่ต้องมีความพร้อมเมื่อออกไปดูแลลูกด้วยตนเองที่บ้าน ช่วงเวลาที่แม่อยู่กับลูกที่โรงพยาบาลจึงเป็นเวลาที่มีคุณค่ามาก ควรเปิดโอกาสให้อยู่กับลูกได้อย่างสะดวก และจัดกิจกรรมให้ได้มีโอกาสสัมผัสตัวลูกอย่างใกล้ชิด
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ตระหนักถึงความสำคัญของการให้นมแม่ทั้งเด็กป่วยและเด็กปกติ จึงได้จัดตั้งคลินิกนมแม่ เพื่อส่งเสริมให้ทารกแรกเกิดป่วยได้กินนมแม่อย่างต่อเนื่อง ให้แม่อยู่กับลูกตลอด 24 ชั่วโมง ฝึกความพร้อมก่อนกลับบ้าน บริการให้คำปรึกษาเรื่องการให้นมบุตร โดยสถาบันสุขภาพเด็กฯได้แนะบันได 10 ขั้น สำหรับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเด็กป่วย ดังนี้ บันไดขั้นที่ 1 การให้ข้อมูลนมแม่ในเด็กป่วย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนมแม่กับบิดามารดาและครอบครัวของทารกตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ ว่านมแม่มีประโยชน์อย่างไรและมีความจำเป็นมากสำหรับทารกและเด็กป่วย เน้นถึงคุณค่าของนมแม่ในแง่ของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อยและทารกป่วย บันไดขั้นที่ 2 การกระตุ้นการหลั่งน้ำนมให้มาเร็วและต่อเนื่อง แม่ต้องบีบน้ำนม ทุก 2-3 ชม. จำนวน 8 ครั้งต่อวัน เพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำนมอย่างเต็มที่ บันไดขั้นที่ 3 การเก็บรักษาน้ำนม บันไดขั้นที่ 4 การเคลือบช่องปากด้วยน้ำนมแม่ การนำนมแม่เคลือบช่องปากลูกทุกๆ 3 ชม. บันไดขั้นที่ 5 ให้แม่โอบกอดลูกเนื้อแนบเนื้อ เสริมสร้างความรักความผูกพันของแม่ลูก กระตุ้นการสร้างน้ำนม กระตุ้นให้น้ำนมมาเร็ว ทำให้ลูกได้รับหัวน้ำนมแม่เร็วขึ้น ลูกดูดนมแม่ได้เร็วขึ้น สร้างความมั่นใจในการดูแลลูก เพิ่มภูมิคุ้มกันผ่านทางน้ำนมแม่ บันไดขั้นที่ 6 การดูดเต้าเปล่า เป็นการเตรียมพร้อมการดูดนมจากเต้าเปล่าโดยการบีบน้ำนมออก 15 นาที ก่อนให้ลูกดูดนมแม่จากเต้าโดยตรง เริ่มฝึกให้ลูกดูดนมจากเต้า บันไดขั้นที่ 7 การเปลี่ยนผ่านสู่การดูดนมจากเต้า ควรให้ทารกได้เรียนรู้การดูดนมแม่ บันไดขั้นที่ 8 การวัดปริมาณน้ำนมที่ทารกได้รับ จะช่วยยืนยันว่าทารกได้รับน้ำนมพอหรือไม่ บันไดขั้นที่ 9 การเตรียมความพร้อม และสร้างความมั่นใจก่อนกลับบ้าน ได้เรียนรู้กับเหตุการณ์จริงที่จะเกิดขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจให้แม่ที่จะกลับไปเลี้ยงลูกที่บ้าน และบันไดขั้นที่ 10 มีระบบติดตามดูแลแม่หลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล ติดตามภายหลังนำลูกกลับบ้าน เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง