ป.ป.ช.เดือด 'ประหยัด' ฟ้อง157 'วรวิทย์ สุขบุญ'
“ประหยัด พวงจำปา” ฟ้อง เลขา ป.ป.ช.ต่อศาลทุจริต ตามมาตรา 157 เหตุถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม
ดร.ประหยัด พวงจําปา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสํานักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลนายประหยัด พวงจําปา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จและมีเจตนาอันเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาทรัพย์สิน ขอชี้แจงดังต่อไปนี้
ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 ต่อมาได้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เรื่อง บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาลอนดอน ที่ภรรยาทําธุรกิจกับชาวต่างประเทศและขอกู้เงินเพื่อซื้อห้องชุดที่แจ้งว่าได้โอนกรรมสิทธิ์และปิดบัญชีไปเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่สามารถปิดได้ จึงได้ยื่นแสดงรายการบัญชีธนาคาร 3 บัญชีเพิ่มเติม ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 เรียบร้อยแล้ว จึงไม่เจตนา ปกปิดแต่อย่างใด และชี้แจงว่าเป็นการที่ภรรยาถือครองกรรมสิทธิ์แทนบุคคลอื่นที่ทําธุรกิจร่วมกัน และได้ยื่นเพิ่มเติมปรากฏต่อคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว
การดําเนินคดีกับข้าฯ เป็นการกลั่นแกล้งกับข้าฯ ไม่เป็นธรรม ดังนี้
1.การดําเนินการคดีกับข้าฯ เป็นการกลั่นแกล้งข้าฯ และดําเนินการไม่ชอบหลายประการ ไม่ให้ความเป็น ธรรมแก่ข้าฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่เคยให้โอกาสให้ข้าฯ ได้ให้ถ้อยคํา ชี้แจงด้วยวาจาและไม่เคยให้เข้าพบหรือมีการเปิดโอกาสให้ข้าฯ ได้อธิบายชี้แจงแต่อย่างใดและไม่เคยแจ้งผลการ พิจารณาตามหนังสือขอความเป็นธรรมทั้งที่ได้ร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้ง เป็นการพิจารณาไต่สวนเพียงฝ่ายเดียว
2.การไต่สวนไม่ชอบไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 ต้องพิสูจน์เจตนาและการดําเนินการกับข้าราชการ ป.ป.ช. โดยเฉพาะตามระเบียบฯ
3.มีการปกปิดพยานเอกสารและข้อมูลที่นํามาเป็นเหตุการณ์แจ้งข้อกล่าวหาโดยไม่ให้ข้าพเจ้าตามพยาน เอกสารในสํานวนหรือมอบหมายอนุกรรมการไต่สวนมาชี้แจง ทําให้ข้าฯ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไม่ถูกต้อง เหมือนคดี ปกปิดทรัพย์สินทั่วไปหรือคดี
4.การดําเนินการไต่สวนไม่เป็นธรรมเหมือนคดีอื่นทั่วไปที่มีการมีหนังสือขอให้มาชี้แจงโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา
5.พยานเอกสารที่ใช้กล่าวหาข้าฯ เช่น หนังสือสํานักงาน ปปง. จากต่างประเทศ ยังไม่มีการพิสูจน์ตาม กระบวนการไต่ส่วนว่าได้มาโดยชอบและเป็นข้อเท็จจริงตามนั้นหรือไม่ เพียงเชื่อว่า ก็นํามาปรักปรํากล่าวหาให้ข่าว ว่าข้าฯ มีทรัพย์สินมากถึง 260 ล้านบาทนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น ข้าฯ ไม่เคยมีทรัพย์สินจํานวนมากถึงขนาดนั้น ทั้งนี้ต้องการกลั่นแกล้งข้าฯโดยการกล่าวอ้างว่าข้าฯมีทรัพย์สินจํานวนมาก โดยเป็นการนับจํานวนเงินในปี 2559 ก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินและบัญชีเงินจากบัญชีกระแสรายรับของการสั่งจ่ายเช็ค ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันใด ๆ ทั้งสิ้น และข้าฯ ไม่มีเงินหรือทรัพย์สินใดๆที่มาจากการกระทําที่ทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น
6.เนื่องจากกระบวนการไต่สวนที่เร่งรัดดําเนินการผิดปกติและไม่เป็นมาตรฐานตามข้อกฎหมายมีเจตนา กลั่นแกล้งข้าฯ ในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาวุโสอันดับ 1 รับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ได้รับรู้การทํางานภายในสํานักงาน ป.ป.ช. มาอย่างต่อเนื่องและยืนหยัดกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม จึงต้องพิสูจน์ความถูกต้องและขอความเป็นธรรมต่อศาลยุติธรรม
โดยข้าฯ ได้ฟ้อง นายวรวิทย์ สุขบุญ ต่อศาล อาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในข้อหาหรือฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เป็นคดีหมายเลขดําที่ อท.40/2562 และจะฟ้องร้อง ดําเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ทําเป็นกระบวนการ ต่างกรรม ต่างวาระ หลายครั้ง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบภาค 1 ต่อไป
การมีข้อบกพร่องสําคัญผิดในการยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้และเป็นเรื่องของภรรยาของ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเป็นคนละคนกัน ย่อมมีความเข้าใจผิดได้ เมื่อรัฐธรรมนูญได้เพิ่มเจตนาจึงจําเป็นอย่างยิ่งว่าผู้มี อํานาจใช้กฎหมายต้องใช้หลักนิติธรรมในการพิจารณาอย่างเป็นธรรม