'สกลธี' นำจนท.เทศกิจ ลุยจับ-ปรับผู้กระทำผิดบนทางเท้า
รองผู้ว่าฯกทม. เร่งแก้ปัญหาการจราจรหน้า ร.ร.สายปัญญาฯ พร้อมจับ-ปรับผู้กระทำผิดบนทางเท้า พื้นที่เขตป้อมปราบฯ
เมื่อเวลา 10.00 น. นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจการจัดระเบียบทางเท้า พร้อมกวดขันวินัยการจับ-ปรับ ผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดขับขี่และจอดจักรยานยนต์บนทางเท้า ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยเริ่มตั้งแต่บริเวณหน้าโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยมี นายจิรวัฒน์ แพงมา ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ นายยุทธนา ป่าไม้ ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่
รองผู้ว่าราชการกรุงเพมหานคร เปิดเผยว่า สำหรับวันนี้ได้ลงสำรวจกวดขันการจับ-ปรับ ผู้ฝ่าฝืนกระทำผิด ขับขี่และจอดจักรยานยนต์บนทางเท้าในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เนื่องจากมีผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลานโรงเรียนสายปัญญาฯ ได้ร้องเรียนถึงปัญหาการจราจรบนถนนเส้นนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในชั่วโรงเร่งด่วน เพราะมีบริษัทขนส่งหลายบริษัททำการจอดรถ 2-3 ช่องการจราจร รวมถึงยังมีการวางสิ่งของกีดขวางบนทางเท้า ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจและสำนักงานเขต ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ กวดขันไม่ให้มีการจอดรถกีดขวางและวางสิ่งหรือจอดรถจักรยานยนต์บนทางเท้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้ทางเท้า นอกจากนี้ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ยังมีรถจักรยานยนต์จอดบนทางเท้าหลายจุด เช่น บริเวณถนนวรจักร หน้า รพ.กลาง สี่แยกเสือป่า และถนนหลานหลวง โดยหากตรวจพบรถจักยานยนต์ที่จอดบนทางเท้า ให้เจ้าหน้าที่ทำการยกรถไปเก็บไว้ที่สำนักงานเขตทันที พร้อมแจ้งเจ้าของรถมาชำระค่าปรับก่อนที่จะนำรถกลับไป
นายสกลธี กล่าวต่อว่า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด และเป็นไปตามนโยบาย “จับจริง ปรับจริง ผู้ฝ่าฟืนขับขี่บนทางเท้า”ของพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะทำการลงพื้นที่กวดขันวินัยอย่างสม่ำเสมอ และหมุนเวียนให้ครบทั่วทั้ง 50 เขต ทั้งนี้ในปัจจุบัน ยอดผู้กระทำผิดที่แต่ละสำนักงานเขตส่งมายังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะมีบางเขตแจ้งมาว่าไม่มีผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดบนทางเท้า ซึ่งเป็นไปได้ยาก และขัดแย้งกับสิ่งที่ประชาชนพบเห็น จึงต้องลงพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อกวดขันนโยบายให้มีความเข้มงวดและจริงจังมากกว่านี้ เพราะการขับขี่รถจักยานยนต์บนทางเท้านอกจากจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิตได้