"ทรัมป์"เห็นต่างผู้นำจี7

"ทรัมป์"เห็นต่างผู้นำจี7

6 ประเทศประสานเสียงห่วงสงครามการค้า

การประชุมผู้นำจี7 ปิดฉากลงแล้ว ที่ประชุมหารือปัญหาโลกนานัปการรวมทั้งไฟป่าอเมซอน แต่ถูกเบี่ยงเบนประเด็นด้วยเรื่องสงครามการค้าและความเป็นเอกภาพของกลุ่ม

การประชุมผู้นำกลุ่มประเทศจี7ประกอบด้วย อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ ที่เมืองบิยาริตส์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ปิดฉากลงแล้ววานนี้ (26 ส.ค.)

วาระการประชุมวันสุดท้ายมีทั้งเรื่องไฟป่าอเมซอน ที่บรรดาผู้นำยุโรปกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการทำลายปอดของโลก ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ไม่ค่อยพูดถึงประเด็นนี้มากนัก และมีท่าทีแตกต่างกับผู้นำจี7 อื่นๆ เพราะสนิทสนมกับประธานาธิบดีแฌร์ บอลโซนาโรของบราซิล อดีตทหารบกที่ให้ไฟเขียวกับการทำไม้และอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งต้องใช้ต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมมหาศาล

ประเด็นใหญ่กว่านั้นที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขัดแย้งกับผู้นำจี7 คนอื่นๆ อยู่ที่เรื่องสงครามการค้า อีกทั้งตัวเขาเองยังพยายามบีบพันธมิตรใกล้ชิดให้เจรจาเรื่องการเข้าถึงตลาดและภาษี

นายทรัมป์มาร่วมประชุมหลังจากเพิ่งขึ้นภาษีตอบโต้กับจีนมาหมาดๆ บรรดาผู้นำยุโรปจึงกดดันให้ระมัดระวังสงครามการค้าบั่นทอนเศรษฐกิจโลก เมื่อวันอาทิตย์ (25 ส.ค.) ผู้นำสหรัฐให้ความหวังว่า เขากำลังพิจารณาแนวทางที่ใช้กับจีนเสียใหม่ ท่าทีของนายทรัมป์ดูเหมือนยอมรับว่า จะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง

แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา น.ส.สเตฟานี กริชแฮม โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีสหรัฐ กลับลำแบบ 180 องศา แถลงว่า ประธานาธิบดีไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนเข้าใจ จริงๆ แล้วเขาเสียใจที่ขึ้นภาษีจีนไม่แรงพอ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ ถือเป็นผู้นำจี7 รายล่าสุด ที่เรียกร้องให้นายทรัมป์รามือเรื่องสงครามการค้า ที่เกรงกันว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย ผู้นำอังกฤษบอกกับนายทรัมป์ว่า ทุกคนต้องการให้การค้าโ่ดยภาพรวมสงบสุข

ส่วนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นที่ตัวแทนทั้งสองฝ่ายพบกันที่กรุงวอชิงตันไปก่อนหน้านั้น นายทรัมป์ได้พบกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ นอกรอบการประชุมจี7 ด้วย ทั้งสองแถลงว่า สหรัฐกับญี่ปุ่นทำข้อตกลงการค้าทวิภาคีกันและหวังว่าจะลงนามกันในเดือนหน้า

ส่วนเมื่อวันอาทิตย์ (25 ส.ค.) มีเรื่องเซอร์ไพรส์เล็กๆ นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน มาที่เมืองบิยาริตส์ด้วย ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เจ้าภาพ ที่พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐ

นายซารีฟไม่ได้พบกับนายทรัมป์ แต่การที่สองคนมาอยู่ในที่เดียวกันก่อให้เกิดความหวังว่า น่าจะลดความตึงเครียดระหว่างกันได้ โดยเมื่อเดือน ก.ค.รัฐบาลสหรัฐสั่งคว่ำบาตรไม่ให้นายซารีฟเดินทางเข้าประเทศ